ไม่พบผลการค้นหา
กรมควบคุมโรค แนะ 7 วิธีปฏิบัติในการขับขี่และเดินทางในช่วงฤดูหนาวหมอกลงจัด ให้เพิ่มความระมัดระวังอาจเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนได้ ก่อนออกเดินทางควรศึกษาเส้นทางและตรวจเช็คสภาพรถให้พร้อมก่อนเดินทาง หากทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ดี ควรจอดรถในบริเวณที่ปลอดภัย

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงนี้ประเทศไทยสภาพอากาศในหลายพื้นที่เริ่มหนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ตามภูเขา ยอดดอยทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ประชาชนเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ทั้งเดินทางไปกับรถสาธารณะหรือนำรถส่วนตัวไป จึงทำให้มีรถจำนวนมาก ประกอบกับในตอนเช้าอากาศเย็นและมีหมอกลงจัด ทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดี จึงต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย 

กรมควบคุมโรค ขอแนะนำ 7 วิธีปฏิบัติในการขับขี่ให้ปลอดภัย ดังนี้ 

1.เตรียมรถให้พร้อม ตรวจเช็คสัญญาณไฟเตือนต่างๆ เช่น ไฟหน้ารถ ไฟเลี้ยว ไฟท้ายรถ รวมถึงสภาพยาง 

2.ศึกษาเส้นทางที่จะไปก่อนเดินทาง และต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ สำหรับการขับขี่ในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย เช่น ทางลาดชัน ทางโค้ง ทางแยก ทางแคบ

3.ขณะที่มีหมอกลงจัดปกคลุมถนน ให้เปิดไฟต่ำหรือไฟตัดหมอกให้มองเห็นเส้นทางได้ชัดเจน ไม่ควรเปิดไฟสูงเพราะจะทำให้ผู้ขับรถคันอื่นสายตาพร่ามัว และลดความเร็วลงเท่าที่สายตาของเราจะสามารถมองฝ่าหมอกไปได้ 

4.ไม่ควรขับแซงหรือเปลี่ยนช่องทางการจราจรอย่างกะทันหัน หากต้องการเปลี่ยนช่องการจราจรให้สัญญาณไฟเลี้ยวล่วงหน้าในระยะไม่ต่ำกว่า 60 เมตร 

5.ไม่ขับรถคร่อมช่องทางการจราจรหรือขับชิดด้านใดด้านหนึ่งของถนนมากเกินไป ยึดแนวเส้นขอบถนนด้านซ้ายเป็นหลัก หรือจะดูแนวเส้นกึ่งกลางถนนแล้วเยื้องไปทางซ้ายแทนได้ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุเฉี่ยวชน 

6.กรณีเกิดฝ้าเกาะกระจกให้เปิดปุ่มไล่ฝ้าหรือเพิ่มความเย็นของเครื่องปรับอากาศ และปรับกระจกลงเล็กน้อย เพื่อให้มองเห็นเส้นทางได้ชัดเจนมาขึ้น

7.หากทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ดีและสภาพถนนจะลื่นกว่าปกติ ควรจอดรถในบริเวณที่ปลอดภัย เช่นสถานีบริการน้ำมัน ที่พักรถริมทาง รอจนกว่าทัศนวิสัยจะดีขึ้น จึงค่อยขับรถต่อไป 

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวว่า กรณีที่รถเสียควรหาจุดจอดรถที่ปลอดภัย โดยจอดรถชิดริมขอบทาง ให้มากที่สุด เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน และนำป้ายเตือนหรือวัสดุอื่นๆ ที่สะท้อนแสงมาวางไว้ด้านหลังรถให้ห่างจากจุดที่จอดรถในระยะไม่น้อยกว่า 50 เมตร เพื่อให้ผู้ขับขี่รายอื่นมองเห็นได้อย่างชัดเจน หากพบเห็นอุบัติเหตุควรรีบ