นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผย ตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ปี 2560 เติบโตร้อยละ 4.3 สูงสุดในรอบ 18 ไตรมาส หรือนับตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2556 ซึ่งมีการขยายตัวร้อยละ 5.2

โดยเศรษฐกิจที่ขยายตัวในไตรมาส 3 นี้ ได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกที่มีการฟื้นตัวทั่วทุกภูมิภาค และทำให้มูลค่าการส่งออกในรูปดอลลาร์สหรัฐเติบโตร้อยละ 12.5 สูงสุดในรอบ 19 ไตรมาส ขณะการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ดีในกลุ่มสินค้าคงทน เช่น รถยนต์ การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวขึ้น โดยเป็นผลจากการลงทุนด้านเครื่องมือเครื่องจักร ด้านการใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้น แต่การลงทุนภาครัฐ ติดลบ 2.6 เนื่องจากอัตราเบิกจ่ายงบลงทุนในไตรมาสนี้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และต่ำกว่าเป้าหมาย 

อย่างไรก็ตาม สภาพัฒน์ประมาณการว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2560 ทั้งปีจะขยายตัวร้อยละ 3.9 ส่วนปี 2561 ขยายตัวร้อยละ 4.1 โดยค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากปีนี้เล็กน้อยไปอยู่ที่ 34-35บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากสหรัฐฯ ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย และยังต้องติดตามการขยายตัวในระดับฐานราก โดยคาดว่า หากเศรษฐกิจเติบโตในระดับร้อยละ 4 ต่อไป น่าจะทำให้เกิดการกระจายตัวสู่ฐานรากมากขึ้น

ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ที่ขึ้นมาที่ร้อยละ 4.3 เป็นการไต่ขึ้นมาจากร้อยละ 0.8 จากเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งนับว่ามาไกลมาก และหากสามารถยันให้ตัวเลขอยู่ระดับนี้ได้ถึงไตรมาส 4 ความมั่นใจก็จะเกิดขึ้น การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น และจะเป็นโมเมนตัมที่ส่งไปถึงเศรษฐกิจในปี 2561

หลังจากนี้ จึงต้องเร่งการกระจายงบประมาณในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. ที่มีอยู่ 2 แสนล้านบาท ลงให้อบต. อบจ.ทำโครงการที่สร้างอาชีพ สร้างรายได้ในท้องถิ่น ส่วนเรื่องปรับคณะรัฐมนตรี นายสมคิด กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ตน เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี ที่จะดูว่าอะไรเหมาะสม 

รายงานโดย : อังศุมาลิน บุรุษ