ไม่พบผลการค้นหา
‘เฟด’ ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงลดร้อยละ 0.25 พร้อมส่งสัญญาณลดต่ออีกครั้งในปีนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ธนาคารกลางของสหรัฐฯ หรือ เฟด ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ซึ่งนับเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 11 ปี ตั้งแต่ช่วงวิกฤตการเงินของสหรัฐฯ ที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เอฟโอเอ็มซี ในขณะนั้น ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้นนโยบายจากร้อยละ 1 ลงมาอยู่ที่ร้อยละ 0 – 0.25 และคงไว้อย่างนั้นเป็นเวลาถึง 7 ปี

ขณะที่การตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงครั้งนี้ มีสมาชิก 2 ใน 12 คน ไม่เห็นด้วย เป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ที่ช่วงร้อยละ 2 – 2.25 ซึ่งเป็นช่วงที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนวิเคราะห์ไว้ล่วงหน้า

อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในครั้งนี้ อาจะยังไม่สามารถทำให้ 'โดนัลด์ ทรัมป์' ประธานธิบดีสหรัฐฯ พอใจได้มากเท่าที่ควร เพราะทรัมป์ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา มีใจความว่าต้องการให้ เฟด ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงค่อนข้างมาก

"เฟดปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเร็วเกินไปและมากเกินไป มาตรการเข้มงวดทางการเงินเชิงปริมาณก็เป็นอีกหนึ่งความผิดพลาด ขณะที่ประเทศเรากำลังไปได้ดี ความมั่นคั่งที่เป็นไปได้กลับหายไปโดยเฉพาะเมื่อเอาไปเทียบกับหนี้ของเรา เรากำลังแข่งกับประเทศอื่นที่รู้วิธีเล่นเกมสู้กับสหรัฐฯ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีอียู และสำหรับจีน จนถึงตอนนี้ สหรัฐฯโดนเอาเปรียบมาตลอด เฟดทำพลาดมาตลอด การปรับลดเพียงเล็กน้อยไม่เพียงพอ แต่เราก็จะชนะอยู่ดี!”


ด้าน 'เจอโรม เพาเวลล์’ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวว่า การตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยมีสาเหตุมาจาก "ความเกี่ยวพันของอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและความกดดันจากภาวะเงินเฟ้อไม่ถึงเป้าหมาย" ทั้งยังชี้ว่า เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนอยู่

โดยภายหลังจากที่มีการประกาศการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้ฐานของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 2 ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.84 ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯแบบ 10 ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.03 โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง

อ้างอิง; CNBC, Bloomberg