ไม่พบผลการค้นหา
แกนนำ นปช.ร่วมวางดอกไม้รำลึกครบรอบ 13 ปี การเสียชีวิตของ 'นวมทอง' ยืนยัน การเสียสละไม่สูญเปล่า ขณะที่ฝ่ายประชาธิปไตนมีคนรุ่นใหม่รับไม้ต่อเสมอ

แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. นำโดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช., นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานนปช, นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษา นปช, นายแพทย์ เหวง โตจิราการ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช. ร่วมวางดอกไม้รำลึกครบรอบ 13 ปี การเสียชีวิตของ 'ลุงนวมทอง' หรือ นายนวมทอง ไพรวัลย์ ที่ทำการอัตวินิบาตกรรมเพื่อยืนยันเจตนารมณ์การคัดค้านรัฐประหาร บริเวณสะพานลอย เยื้องสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ถนนวิภาวดีรังสิต โดยมีภรรยาและบุตรสาวของนายลุงนวมทองร่วมรำลึกในปีนี้ด้วย

นายณัฐวุฒิ ระบุว่า เป็นอีกวาระ ต้องมารำลึกถึงการสูญเสีย ของประชาชนคนธรรมดา โดยเฉพาะในภาวะบ้านเมืองที่อยู่ใต้รัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการในเวลานี้ แต่ยืนยันว่าการเสียสละของ "ลุงนวมทอง" จะไม่สูญเปล่าและเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าประชาชน หาเช้ากินค่ำไม่ยอมค้อมหัวให้กับอำนาจเผด็จการ และวันนี้แกนนำ นปช.ถือว่ามาทำหน้าที่เชิดชูและปกป้องการเสียสละของผู้รักประชาธิปไตย และมีหน้าที่ชี้ให้ประชาชนทั้งประเทศเห็นว่าการรัฐประหารไม่ได้นำ ผ่านบ้านเมืองสู่ความเจริญหรือปฏิรูปสู่ความเป็นประชาธิปไตยได้ 


นปช.-นวมทอง


นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่าประวัติศาสตร์ของลุงนวมทอง ทำให้นึกถึงลุง 2 คน คือ ลุงคนหนึ่ง ขับแท็กซี่พุ่งชนรถถังเพื่อยืนยันเจตนารมณ์ประชาธิปไตยต่อต้านการรัฐประหาร ขณะที่ลุงอีกคนหนึ่ง สั่งการให้รถถัง ออกมาพุ่งชนอำนาจอธิปไตยของประชาชน และเชื่อว่าทุกครั้งที่มีการรัฐประหารจะมีประชาชนอย่างเช่นลุงนวมทองออกมาคัดค้าน แม้การพุ่งชน กันระหว่างประชาชนกับผู้ก่อรัฐประหาร ผู้สูญเสียมักจะเป็นประชาชนที่เปรียบเสมือนรถแท็กซี่ของลุงทอง ที่อยู่ในสภาพยับเยิน แต่อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด รถถังจะต้องกลับเข้ากรมกอง และเป็นรถแท็กซี่ที่เปรียบเหมือนประชาชนเท่านั้นที่จะวิ่งอยู่ในถนนได้

นายณัฐวุฒิกล่าวถึง การต่อสู้เพื่อประชาชนขององค์กรประชาธิปไตยว่า มีคนรุ่นใหม่ออกมาขับเคลื่อนเสมอ ซึ่งตัวเองขอแสดงความชื่นชม ส่วนแกนนำ นปช.อยู่ในสภาพโชกเลือด มีคดีความติดตัวจากการต่อสู้ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขและข้อจำกัดในการขับเคลื่อนองค์กรด้วย และหากจะดูอนาคต นปช.ต้องดูควบคู่กับอนาคตประชาธิปไตยของประเทศไทย เพราะถ้าหากบ้านเมืองไม่มีประชาธิปไตยก็ไม่มีอนาคต แม้ว่าแกนนำจะไม่โดนคดีความก็ตาม 

ส่วนอดีตแกนนำที่เคยร่วม 7 ต่อสู้กันมาที่ย้ายขั้วไปอยู่ฝ่ายผู้มีอำนาจ ถือว่า สิ้นสุดความสัมพันธ์ต่อกัน สำหรับคดีความที่ศาลฎีกาให้แกนนำ นปช.ร่วมกันชดเชยค่าเสียหาย ยอมรับว่าแกนนำ นปช.ไม่มีกำลังเพียงพอที่จะชดใช้ แต่หาช่องทางเจรจากับผู้เสียหายให้เป็นที่พอใจและตามสภาพที่เป็นไปได้ของการชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งจากคำให้การชี้ให้เห็นว่า ผู้เสียหายต่างรู้และให้การว่าเหตุเพลิงไหม้ เกิดขึ้นหลังจากที่ทหารเข้ายึดพื้นที่แล้ว