ไม่พบผลการค้นหา
‘โทนี่’ เผยผ่านแคร์ทอล์ค ระบุ กกต.องค์กรไม่อิสระ ความน่าเชื่อถือล้มละลายหลังเลือกตั้งปี 62 ชี้ ‘กัญชา-บุหรี่ไฟฟ้า’ ตรรกะโทษลักลั่นเปิดช่องโหว่ จนท.รีดไถ เย้ย ‘ประยุทธ์’ ขุด ส.ส.ขิงแก่สอบตกร่วมงาน รทสช. ปลุกเข้าคูหาจับปากกามาปฏิวัติอีกครั้ง เชื่อ 2 ป.ไม่ถึงเก้าอี้นายกฯ เจอฝ่ายประชาธิปไตย 350 เสียง ยันพรรคโดนปฏิวัติไม่ร่วมกับพรรคปฏิวัติตัวเอง ด้าน ‘เกษม’ ชวนจับตาพิรุธ กกต. ส่อโกง ขณะที่ ‘สุรนันท์’ เผยคนกรุงเทพฯ ชอบ ‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’ มีแนวความคิดชงรื้อรัฐราชการ ปลุกแคมเปญเฝ้าหน่วยกระดานนับคะแนนป้องกันโกงเลือกตั้ง

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 7 ก.พ. 2566 ดร.ทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม (Tony Woodsome) อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุผ่านรายการ CareTalk x Care ClubHouse ในซีรีย์พิเศษ “เลือก•เคลื่อนไทย 2566 EP1 : 90 วันชี้ชะตา” พร้อมด้วย ผศ.ดร.เกษม เพ็ญภินันท์ ผู้เชี่ยวชาญปรัชญาการเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมด้วย

โดยช่วงแรก โทนี่ ได้กล่าวถึงชีวิตในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตอนนี้ตนอยู่ที่ดูไบซึ่งค่อนข้างมีความคึกคักทางเศรษฐกิจ และพบว่าอสังหาริมทรัพย์ที่ดูไบราคาค่อนข้างขาขึ้น เนื่องจากเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างสำคัญ และการบังคับใช้กฎหมายที่ค่อนข้างเข้มงวด และใช้ระบบดิจิทัลทำให้มีความเป็นระเบียบอย่างมาก

อีกทั้งมีการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สมดุลระหว่างจีน และสหรัฐอเมริกา อีกทั้งนโยบายเรื่องแรงงานข้ามชาติค่อนข้างชัดเจน ซึ่งมีการเชิญชวนคนที่มีความรู้ และมีเงินไปลงทุน โดยมอบโกลเด้นวีซ่าให้ 10 ปี นั่นคือสิ่งที่อำนวยความสะดวก หลังจากนี้เศรษฐกิจดูไบกำลังมุ่งสู่โลกเสมือนจริง หรือเมต้าเวิร์ส และยังถือหลักกฎหมายที่ว่า “ถ้าไม่มีกฎหมายห้ามสามารถทำได้”

โทนี่ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยต้องกลับมาดูเรื่องข้อกฎหมาย เช่น บุหรี่ไฟฟ้าที่กำหนดให้จำคุก 7 ปี แต่กัญชาเด็กกลับใช้ได้โดยที่ไม่มีอะไรควบคุม อะไรคือหลักการของการใช้กฎหมาย จนเป็นที่มาของการเรียกสินบนของตำรวจ ซึ่งความรุนแรงของโทษไม่ทำให้คนกลัวที่จะไม่ปฏิบัติอาชญากรรม เท่ากับทำแล้วถูกลงโทษแน่นอน แม้ว่าโทษจะน้อย แต่ถ้ามีโทษรุนแรงก็เป็นช่องทางทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคอร์รัปชัน

รัฐบาลทำอะไรแบบลักลั่น ไม่ดูกฎหมายเก่า ไม่เคยคิดองค์รวมเป็นเพราะไม่มีเจ้าภาพ ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องเป็นเจ้าภาพทุกเรื่อง ส่วนรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพเฉพาะสาขา วันนี้ศักยภาพการแข่งขันของประเทศถึงลดลงไปเรื่อยๆ เหลือสิ่งเดียวที่คนทั่วโลกนิยมเราคือ ความเป็นไมตรีจิตของคนไทย และการบริการของคนไทย

“วันนี้เราต้องยอมรับว่า ยิ่งปฏิวัติกี่รอบ การเมืองยิ่งเน่าเท่านั้น จะเอาทหารมาปฏิรูปการเมืองไม่ได้ เพราะรู้แต่เรื่องทหาร แต่ไม่ใช่เรื่องรบ วันนี้ไม่เข้าใจว่าเขาคิดอย่างไร ทหารขู่คนก็ได้แปปเดียว พอคนรู้ว่าไม่ฉลาดก็ไม่มีใครฟัง นี่คือสิ่งที่ตนไปดูหลายๆ ประเทศ แล้วก็ได้แต่คิดว่าเสียดายประเทศของเรา” โทนี่ กล่าว

โทนี่ กล่าวอีกว่า วันนี้ตัวเลขของคนที่เป็นเหยื่อของการโกงเงินผ่านแอปพลิเคชัน ฉะนั้นวันนี้ตำรวจที่ตั้งหน่วยงานทางคอมพิวเตอร์ขึ้นมารู้ดี แต่การปราบปรามยากกว่าการร่วมมือ จึงอยากฝากเพื่อนตำรวจทั้งหลายที่ต้องกู้ศักดิ์ศรีคืนแล้ว ตุลาคมหน้าเป็นต้นไป ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะไม่มีการหากินจากการแต่งตั้งโยกย้ายเป็นอันขาด เมื่อมีต้นทุนก็จะทำงานให้ประชาชน วันนี้บ้านเราในเรื่องของเศรษฐกิจใต้ดินสูงมาก แต่ พล.อ.ประยุทธ์ เหลือเวลาอีกไม่นาน ถ้ากล้าๆ ก็ควรเอาเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นบนดินแล้วเก็บภาษีเพื่อเอาเงินไปแก้หนี้ที่ไปกู้ไว้

โทนี่ กล่าวอีกว่า ได้คุยกับนักการทูตที่ดูไบคือ ความสัมพันธ์ระหว่างจีน และสหรัฐฯ ว่า สหรัฐฯ ไม่ค่อยรบเองอยู่แล้ว ชอบใช้สงครามตัวแทน แต่สิ่งที่นักการทูตกังวลคือเรื่องไต้หวัน แม้หลายคนเชื่อว่าไต้หวันไม่รบ แต่สหรัฐฯ อาจจะใช้ไต้หวันเป็นตัวแทนในการรบกับจีน ทำให้เหตุการณ์ระหว่างสองประเทศนี้จะทำให้มีปัญหาทางเศรษฐกิจ และกระทบต่อราคาพลังงาน เป็นสิ่งที่ประเทศไทยโดยเฉพาะการเมืองระหว่างประเทศต้องกลับไปคิดเรื่องนี้

44C64194-B68D-4DBB-9739-1AA70C2E81CE.jpeg


‘เกษม’ ชวนจับตา กกต. หลังพบพิรุธกำหนดเกณฑ์นับประชากร

ผศ.ดร.เกษม กล่าวว่า เรามี 2-3 เรื่องที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ สิ่งแรกคือ บทบาทของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เราต้องมาเร่งตรวจสอบความพร้อมของ กกต. ทั้งในเรื่องการทำงานที่ปัจจุบันนี้ก็เจอปัญหาในเรื่องของการนับจำนวนประชากรที่มีความแตกต่างกัน หลักการง่ายๆ ในการนับจำนวนประชากรก็ไม่ทำ เราต้องกระตุ้นให้เห็นว่าการทำงานตรงนี้มันสำคัญ กกต.ไม่ใช่ผู้จัดการเลือกตั้ง แต่เป็นคนคุมการเลือกตั้ง ดังนั้นต้องโปร่งใส

ผศ.ดร.เกษม กล่าวถึงการนับจำนวนประชากรว่า การที่ กกต.นับเอาคนต่างด้าวมาเป็นจำนวนประชากรนั้น ในส่วนของการปกครองส่วนท้องถิ่นวางอยู่บนฐานประชากรที่อยู่ในพื้นที่เหล่านั้นมีส่วนได้ส่วนเสียเรื่องนโยบายงบประมาณ ดังนั้นคนที่เป็นคนต่างด้าวหรือไม่ได้สัญชาติไทยก็อยู่ในส่วนนั้น เช่นเรื่องภาษีทางอ้อม แต่เมื่อเราพูดถึงการเลือกตั้งระดับชาติ หมายถึง พลเมืองของรัฐกำหนดทิศทางของประเทศร่วมกัน และช่องทางของคะแนนกว่าล้านคะแนน ถ้ามันมีการทุจริตจะมีผลต่อส่วนได้ส่วนเสียต่อคะแนนระดับเขต และบัญชีรายชื่อ

รวมไปถึงความชัดเจนเรื่องกฎกติกา และมาตรการต่างๆ เช่นการนับคะแนนเสียง คำว่า “ส.ส.พึงมี” และประชาชนต้องเป็นสมการในการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการประชาธิปไตย ซึ่งประชาชนเองก็ต้องมีบทบาทในการทำงานของ กกต. ทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของสาธารณะ ตรงนี้ประชาชนต้องอยู่ทุกขั้นตอน และกระบวนการ ส่วนเรื่องการย้ายพรรคของ ส.ส. ก็เป็นธรรมชาติปกติของการเมือง แต่ปัจจัยที่น่าสนใจในการเลือกตั้งรอบนี้คือ เราจะเห็นผู้สมัครหน้าใหม่มากขึ้น และการเลือกตั้งครั้งนี้จะนำไปสู่การตัดคะแนนกันเอง

ผศ.ดร.เกษม กล่าวอีกว่า ในอดีตจะมีแต่การต่อสู้ระหว่าง พรรคไทยรักไทย กับ พรรคประชาธิปัตย์ แต่ตอนนี้มีจำนวนของพรรคที่มากขึ้น แม้ว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะมีคะแนนสูงมากในการเลือกตั้ง แต่คู่แข่งที่สำคัญอาจไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาล แต่อาจจะเป็นพรรคปีกเดียวกัน ขณะที่พรรคฝ่ายรัฐบาลก็จะตัดคะแนนกันเองเช่นกัน

338E2126-5FE5-4842-AA3D-F84BE5059BCE.jpeg


 ‘สุรนันทน์’ ชี้คนกรุงเทพฯ มอง ‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’ มีแนวความคิด

สุรนันทน์ กล่าวว่า ปีที่แล้วตนได้มีโอกาสได้ลงพื้นที่ และพูดในฐานะตัวแทนของคนกรุงเทพฯ ซึ่งพบว่า คนทุกระดับที่ตนได้เจอในทุกชุมชน ถามว่าสิ่งที่เราคุยกันประชาชนทั่วไปเดินถนนเบื่อมาก เบื่อการทะเลาะเบาะแว้ง เบื่อการซื้อตัวของ ส.ส. และเบื่อที่จะบอกว่า ทำไม กกต. ถึงทำแบบนั้น ทำแบบนี้ ทุกคนมีความเห็นทางการเมือง แต่ชี้ว่าเรื่องระบบนั้นไม่เกี่ยวกับชีวิตเรา ฉะนั้นเรื่องนโยบายสำคัญกับชีวิตเขามาก แต่ไม่ค่อยมีพรรคการเมืองไหนพูด ยกเว้น พรรคที่ทำอยู่ตลอดเช่น พรรคเพื่อไทย หรือพรรคก้าวไกล ที่ประชาชนมองว่ามีแนวความคิด

สุรนันทน์ ชี้อีกว่า แนวความคิดที่ว่านั้นคือ เรื่องรัฐราชการ เป็นเรื่องของทำให้รัฐเป็นรัฐที่ให้บริการประชาชน เป็นรัฐราชการที่ปกครองเอาเปรียบประชาชน ดังนั้นเขาจึงไม่ไว้ราชการในทุกระดับ โดยเฉพาะตำรวจคือคนที่เขาไม่ไว้วางใจ ส่วนทหารเขาก็ไม่ชอบเพราะเป็นสัญลักษณ์แห่งการใช้อำนาจ แต่นโยบายตรงนี้ไม่สะท้อนออกมา คนกรุงเทพฯ จึงพยายามยึดเหนี่ยวกับพรรคการเมืองที่มีนโยบายส่วนนั้น

ขณะที่การเลือกตั้งในส่วนของการการลงพื้นที่อย่างคลองเตย หรือบ่อนไก่ ด้านหน้าดูดีขึ้นมาก ถนนใหญ่ที่เข้าสู่ชุมชนดูดีขึ้นมาก แต่เมื่อเลี้ยวเข้าตรอกเล็กๆ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม หรือบางจุดก็แย่กว่าเดิม ทำให้เห็นว่า ผู้นำชุมชนเข้มแข็ง และสิ่งที่สำคัญคือผู้นำชุมชนสามารถชี้ได้ทุกจุดว่าตรงไหนมีปัญหา หรือจะเป็นลาดกระบัง ที่เมื่อก่อนเป็นที่รับน้ำ แต่วันนี้ชุมชนแถวนั้นน้ำท่วมจริง แต่หมู่บ้านใหม่ๆ ที่มีราคาแพงกลับถูกถมสูงขึ้นไป ทำให้น้ำไม่ท่วม นี่คือสิ่งที่คนรู้สึกถึงความเหลื่อมล้ำที่เห็นด้วยตา ตรงนี้เป็นสาระสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้

 

ติง ‘องค์กรอิสระ’ ไม่มีอิสระ ซัด กกต. ‘ล้มละลาย’

โทนี่ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า องค์กรอิสระประเทศเราไม่อิสระด้วยตัวเองในการวางกติกา บังคับใช้กติกา แต่ของประเทศเรามีนักจัดการให้เอาคนนั้นไปอยู่ตรงนี้เพื่อประโยชน์ของกลุ่มจึงเป็นเรื่องที่ทำให้การรักษากติกาแย่มากๆ อย่างการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ถือว่า ‘ล้มละลาย’ เพราะมีการโกงอย่างชัดเจน และเครื่องคิดเลขไฟดับ แต่วันนี้การที่จะปรับปรุงตัวดีขึ้น กลับไม่มีการเตรียมการ มีแต่การเตรียมรอการได้เปรียบเสียเปรียบให้รัฐบาล ฉะนั้นวันนี้ประชาชนต้องกำหนดชีวิตตัวเอง ต้องคิดว่าทำอย่างไรให้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

โทนี่ ระบุอีกว่า วันนี้สิ่งที่ทุกข์มากที่สุดคือ ระบบรัฐราชการ ยาเสพติด และความเหลื่อมล้ำ วันนี้มันเป็นภารกิจของฝ่ายประชาธิปไตยที่ต้องไปล้างสิ่งที่เผด็จการทำทิ้งไว้เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง วันนี้ข้าราชการก็อึดอัดเพราะนายสั่งมาแบบนี้ รัฐบาลนี้ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ มีการเพิ่มอัตราหลังเกษียณมาก โดยเฉพาะข้าราชการทหาร และสังเกตเห็นว่า หลักสูตรในการอบรมข้าราชการในยุคนี้ค่อนข้างมั่ว มีแต่การไปดูงานที่ต่างประเทศซึ่งจริงๆ คือการไปเที่ยว วันนี้ช่วยประวิงให้รัฐบาล เพราะรัฐบาลไม่พร้อม

สุรนันทน์ กล่าวว่า ภาคประชาชนร่วมกับตัวแทนพรรคการเมืองต้อมเข้มแข็งในการเฝ้ากระดานนับคะแนนเสียง เพราะตนมีความรู้สึกว่ามีการโกงแน่นอน ยิ่งในกรุงเทพฯ นั้นมีการโกงอย่างแน่นอน ในปัจจุบัน กกต. มีกฎหมายที่แปลกๆ เยอะมากที่ไม่เอื้อต่อความเป็นประชาธิปไตย และสิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือ มีการยุบสภาแน่นอน มันมีอีก 30 วันที่จะเปลี่ยนพรรคได้ ฉะนั้นยังไงก็ต้องมีการยุบสภา เพื่อให้ย้ายพรรคได้ ซึ่งจะเกิดความวุ่นวายอีกรอบ และจะไม่มีความมั่นคงเลยในช่วงเวลานี้จนถึงวันที่ยุบสภา ไม่ว่าเวลาเท่าไหร่ก็ตาม  

 

บัตรเลือกตั้ง 2 ใบทำพรรค ‘ประยุทธ์’ ขุด ส.ส. ‘สอบตก-หมดสภาพ’ มาใช้งาน

ผศ.ดร.เกษม กล่าวว่า สิ่งที่ตนกังวลกับการเลือกตั้งครั้งนี้ และตนกล้าพูดว่า พรรคที่อยู่ในปีกประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้งแน่นอน แต่หากมองข้ามจุดนั้นไปคือ เราต้องคิดว่า ถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ได้ 25 เสียงขึ้นไป จะเกิดอะไรขึ้น และความไม่พร้อมที่เกิดขึ้นของ กกต. ไม่ใช่แค่องคาพยพของตัวพรรคที่สนับสนุนรัฐบาล แต่ในการกลับมาของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันมันเป็นปัจจัยฉุดรั้งกลไกที่มีประสิทธิภาพ มันเป็นเรื่องใหญ่ที่เราต้องกดดัน กกต. ให้ทำหน้าที่ในส่วนที่ควรทำ

ขณะที่ในกติการบัตรเลือกตั้ง 2 ใบนั้น โทนี่ ระบุว่า ทำให้ต้องมีจำนวน ส.ส.มากขึ้น วันนี้ในพรรครัฐบาลมีการแตกพรรคขึ้นมาใหม่ จึงไปเอาทั้ง ส.ส.ปัจจุบัน และขุดทั้ง ส.ส.รุ่นเก่าที่สอบตก หรือตกอายุไปแล้ว โดยเฉพาะพรรคที่ตั้งใหม่อย่างรวมไทยสร้างชาติ จึงได้คนเก่าๆ ที่ตกค้างมากกว่าคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน การปฏิวัติตน ในปี 49 พลังประชาชนชนะ แต่รัฐประหารนายกปปู มันเป็นสิ่งที่เขายังทำไม่เสร็จ แต่เป็นภารกิจที่ทำให้ลงเหว เพื่อสืบทอดอำนาจ

ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในปัจจุบันจากกฎเกณฑ์ของ กกต.ว่า ในปัจจุบันนี้ประชาชนจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้นยากมาก มันเป็นกระบวนการที่ทำให้คนไม่สามารถมีส่วนร่วมทางการเมืองได้อย่างสะดวก หลายๆ ครั้งไปเจอคนที่เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยก็หยิบบัตรขึ้นมาให้ดู มันเป็นการทำให้คนรู้สึกว่ามีส่วนร่วมในทางการเมืองกับพรรคที่ทำประโยชน์ให้เขาได้ แต่กระบวนการทำให้คนสมัครสมาชิกพรรคได้ยาก ทำให้คนรู้สึกไม่มีส่วนร่วมทางการเมือง

ส่วนกรณีที่บัตรเลือกตั้ง 2 ใบแต่คนละเบอร์ สุรพงษ์ กล่าวว่า จะทำให้ประชาชนสับสนว่า หากอยากเลือกพรรคการเมืองพรรคนี้ แต่เป็นอีกเบอร์หนึ่งในเขตเลือกตั้ง และทำให้นักการเมืองที่หาเสียงก็สับสนเอง แล้วยิ่งผสมกับกลเกมของกกต.ทั้งเรื่องนับจำนวนประชากร การแบ่งเขต หรือการไม่รายงานผลคะแนน ดังนั้นก็ต้องทำให้ประชาชนป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริต

 

‘โทนี่-สุรนันทน์’ เชื่อรัฐบาลไม่ยุบสภาหนีอภิปราย ม.152 – ‘เกษม’ ชี้ ‘ประยุทธ์’ ควรลงปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 เพราะต้องยึดโยงกับระบบรัฐสภา

ผศ.ดร.เกษม กล่าวว่า ตนไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับการอภิปรายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เพราะมันเป็นปลายสมัยของรัฐบาล ทุกคนให้ความสนใจกับการเลือกตั้ง แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าประเด็นพวกนี้คือ หากเราพูดถึงบทบาทของ ส.ส. คือ คุณภาพของ ส.ส. ที่เข้ามาด้วย แล้วอย่างยิ่ง สภาล่มอยู่เรื่อยๆ เรากำลังพูดถึงบทบาทของ ส.ส. ต่อสถาบันการเมืองที่เป็นหน้าที่ที่จะต้องตรวจสอบฝ่ายบริหาร แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลของผู้นำที่มีเซลล์สมองแค่นี้ มันจึงทำให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นค่อนข้างสำคัญมาก อย่าปล่อยให้สิทธิของเราหลุดมือ

โทนี่ กล่าวว่า 152 ไม่ลงมติ ดังนั้นไม่มีผลอะไรกับรัฐบาลมากนัก แต่เรื่องที่ยุบหนีนั้น คิดว่าคงไม่กล้ามีการยุบสภาหนี เพราะเขายังไม่พร้อม แต่ถ้าหากฝ่ายค้านมีของดีก็จะสามารถพูดตอนไหนก็ได้หากยุบสภาหนี มันขึ้นอยู่กับความพร้อมของพรรครวมไทยสร้างชาติมากกว่า ถ้าพรรคท่านพร้อมก็ยุบ พรรคไม่พร้อมก็ไม่ยุบ

โทนี่ กล่าวอีกว่า เรื่องสภาล่มมี 2 ปัญหาคือ ความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาล เช่น กฎหมายกัญชาที่มีพรรคร่วมรัฐบาลไม่นั่งเป็นองค์ประชุม และอีกปัจจัยคือ รัฐบาลคุมเสียงไม่อยู่ แต่ฝ่ายค้านเอาองค์ประชุมมาเป็นเกมในการต่อสู้ ไม่ใช่เรื่องของ ส.ส. ขี้เกียจ หรือไม่ นั่นอยู่ที่วิปของรัฐบาลที่คุม ส.ส. แต่ปกติแล้วรัฐบาลก็จ่ายเงินเดือน ส.ส. เยอะอยู่แล้ว จึงไม่น่าหนีไปไหน

ด้าน สุรนันทน์ มองว่า ไม่มีการยุบสภาหนี มาตรา152 แน่นอน แต่มันจะเกิดการต่างคนต่างพูด หากฝ่ายค้านไม่มีหมัดเด็ดเปิดแผลใหม่ก็ปล่อยไป หรือถ้ามีหมัดเด็ดก็ปล่อยสภาล่มไปเรื่อยๆ เพราะวันที่ 28 ก.พ.นี้ก็ปิดสมัยประชุมรัฐสภาแล้ว ส่วน ส.ส.ในทุกวันนี้ก็มองว่างานในสภาไม่ได้มีความหมาย ให้ความสนใจกับการลงพื้นที่จึงเสียเวลาในสภาไม่ได้ ถ้ามีอภิปรายได้จริงก็พูดกันไปแค่สองสามวัน

ขณะที่กระแสข่าวการเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมน้ัน ผศ.ดร.เกษม มองว่า เป็นสิ่งที่ควร ในฐานะนักการเมือง และผู้นำ ควรยึดโยงกับรัฐสภา เพราะเราเห็นปัญหาในรัฐบาลชุดนี้แล้วว่า การปัดปัญหาให้แก่รัฐสภาเป็นสิ่งที่ไม่มีความรับผิดชอบ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีตำแหน่งในรัฐสภาทำให้บทบาทนี้จำเป็น

“ถ้ายังปล่อยให้เขาขาลอย มันจะทำให้ภาระของรัฐบาล และผู้นำที่รับผิดชอบต่อรัฐสภาไม่เกิดขึ้น เพราะรัฐสภาคือสถาบันทางการเมืองที่เป็นไม้หนึ่งของประชาธิปไตยเพราะยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด รัฐสภามีความจำเป็น ไม่ใช่แค่เรื่องกัญชา หรือเรื่องใดๆ มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตคนต่อไป ถ้าเรื่องพวกนี้ยังคาราคาซัง การใช้ชีวิตของคนมีปัญหา มันจะส่งผลกระทบต่อสังคม และลูกหลาน” ผศ.ดร.เกษม กล่าว

โทนี่ 03022763501829_n (1).jpg


‘เกษม’ ชวนมองข้อกฎหมายในมุมมองใหม่ รื้อโครงสร้างกฎหมาย ทำลายระเบียบราชการ

ผศ.ดร.เกษม กล่าวว่า เราต้องมองกฎหมายด้วยมุมมองใหม่ เราต้องมองในฐานะหลักการที่จะอยู่ร่วมกัน หลักการที่จะคุ้มครองสิทธิเสรีภาพเปิดโอกาสให้คนเหล่านั้นอยู่ร่วมกันในกรอบของกฎหมาย อันไหนที่กฎหมายไม่ได้บัญญัติก็เปิดให้เขาทำได้ กฎหมายวิ่งตามความสร้างสรรค์ของคนไม่ทัน แต่จุดหนึ่งจะเข้ามาสร้างความชอบธรรมให้แก่ชีวิต สิ่งที่เรามองคือ หลักการอันไหนที่คุ้มครองเสรีภาพให้เขาทำสิ่งนั้น โดยที่สิ่งเหล่านั้นไม่ไปสร้างความยุ่งยากให้แก่สังคม หากนำมาสู่การคิดสร้างนวัตกรรมใหม่ กฎหมายก็มีสิทธิคุ้มครองเรื่องสิทธิเสรีภาพ

สุรนันทน์ กล่าวว่า เมื่อเป็นรัฐราชการ ตัวบทกฎหมายในสภามันสำคัญมาก สิ่งที่ไปปิดกั้นทำให้มีกฎระเบียบราชการมาบังคับปกครองใช้อำนาจ คิดว่าถ้าเราจะรื้อกฎหมายจริงๆ บางเรื่องไปตายที่ระเบียบของราชการ เช่น กฎระเบียบของกระทรวง ดังนั้นแม้ว่ารัฐธรรมนูญจะให้มีเสรีภาพ แต่พอไปสู่ระเบียบราชการ กลายเป็นว่าราชการมาเป็นตัวกำหนดมากกว่ากฎหมายระดับใหญ่กว่า

ขณะที่ โทนี่ กล่าวว่า เด็กรุ่นใหม่ในทีมของ แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้ความเห็นในมุมมองนี้ว่า การจะขออนุญาตทางกฎหมาย ต่อไปนี้ให้ใช้การขออนุญาตทางออนไลน์ มีการรับรองตัวเอง หากเป็นเท็จจะโทษหนัก ทำให้มีใบอนุญาตออกทางออนไลน์ ส่งผลให้คนหากินได้ง่ายมากขึ้น เช่นใบอนุญาตขายสุราในร้านอาหารมันควรเป็นเรื่องง่าย คล่องตัวขึ้น และราชการก็จะทำงานแบบพบปะประชาชนได้น้อยลง ให้ระบบได้ทำงานอย่างอัตโนมัติเหมือนที่ ‘บิลเกตส์’ ใช้คำว่าต้องมี ‘Knowledge Worker’

21253E69-48C5-458E-862D-27224ABDDD12.jpeg

เชื่อเสร็จฝ่าย ปชต. 350 เสียง ปิดประตู 2 ป.เป็นนายกฯ

ในช่วงท้ายผู้ดำเนินรายการถามว่า ในห้วง เวลา 90 วันที่เหลือก่อนถึงวันเลือกตั้ง ตอนนี้มีคนปล่อยกระแสมาแล้วเลือกตั้งไม่มีหวัง โดย โทนี่ระบุว่า เขาร่างรัฐธรรมนูญทีไรเขาเห็นหน้าผม ตอนนั้นไทยรักไทย 14 ล้านคน ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ไม่มีมาก่อน ตอนนั้นประชาธิปัตย์มี 3 ล้าน ไม่อยากเห็นพรรคการเมืองมีสมาชิกเยอะ ก็เลยออกกติกายากขึ้น ทุกกติกากลับมาไทยรักไทยและผม ทำให้กติกาบิดเบี้ยว

"ประชาชนถูกทหารใช้อาวุธมาปฏิวัติแล้วประเทศตกต่ำ แล้ววันนี้ประชาชนต้องใช้ปากกามาปฏิวัติกลับเพื่อให้ประเทศกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น ประชาชนย่อมคิดได้ถ้าปฏิวัติกลับด้วยปากกาต้องมียุทธศาสตร์ร่วมกันจะเลือกอย่างไรให้ได้รัฐบาลมาแก้ปัญหาประชาชน รักประชาชนแท้จริงไม่ใช่รักแต่ปาก" โทนี่ระบุ

ถามว่า กระแสข่าวการเลือกพรรคนี้จะไปจับพรรคนั้น โทนี่ ระบุว่า ไม่ต้องเลย พรรคการเมือง การรวมรัฐบาลพรรคแกนนำต้องผลักดันนโยบายที่สัญญากับประชาชนไปก่อน ดังนั้น พรรคการเมืองที่จะมาร่วมต้องไม่ขวางนโยบายเขาแน่นอน 

"อันที่สอง ถ้าเป็นพรรรคหัวใจประชาธิปไตยยังไงก็เอาพวกประชาธิปไตยด้วยกัน มันเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองต้องคิดเป็น ยกตัวอย่างง่ายๆ คุณจะบอกว่าให้พรรคการเมืองไปรวมกับพรรคที่โดนปฏิวัติ ให้ไปรวมกับพรรคที่ปฏิวัติตัวเองมา มันไม่แน่ใจ ใครจะทำอย่างนั้น แต่ปัญหาหลักการเลือกตั้ง นโยบายที่เสนอไป ประชาชนถูกใจ ประชาชนจึงเลือกมาเป็นอันดับ 1 ดังนั้นต้องรีบผลักดันนโยบายนั้นก่อนเพื่อน ดังนั้น พรรคไหนมาขัดแย้งไม่ยอมเอานโยบาย เขาก็ไม่เอา โดยเฉพาะกระทรวงที่ตกลงกัน เป็นกระทรวงที่ต้องผลักดันนโยบาย สมมติต้องแบ่งให้พรรคร่วมรัฐบาล ต้องมั่นใจพรรคร่วมทำเป็น และพรรคร่วมนั้นต้องทำตาม ไม่นั้นพรรคนั้นจะอยู่ไม่ได้ ดังนั้น ประชาชนไม่ต้องคิดมาก เอานโยบาย ชอบนโยบายพรรคไหน เลือกพรรคนั้น ถ้าพรรคไหนสัญญาแล้วไม่เคยผลักดันก็อย่าไปเสียเวลาผลักดัน"

สุรนันทน์ ระบุว่า ตนไปเดินตลาดตอนลงพื้นที่กับพรรคสร้างอนาคตไทย ว่าหลอกหรือเปล่า หรือกลับไปยกมือให้ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ เพราะฉะนั้้นหลอกกันไม่ได้ ตนว่าในกรุงเทพฯ แม่ค้าในตลาด พอพูดชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สรรเสริญ แต่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ไปฟังเอง

ถามว่า ทำไม พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ปาดกันไปมา ปาดจริงหรือไม่ หรือไปจับมือกันตอนหลัง โทนี่ ระบุว่า ตนคิดว่าสมมติ พล.อ.ประยุทธ์จะขอเป็นนายกฯ อีกรอบหนึ่ง ตนไม่คิดว่า พล.อ.ประวิตรจะไปจับมือ แต่ถ้า พล.อ.ประวิตรจะขอเป็นนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์อาจยอมจับมือด้วย แต่ว่าที่พูดแล้วเป็นไปไม่ได้ทั้งคู่ เสร็จฝ่ายประชาธิปไตย  

"อย่างที่ผมบอกว่าฝ่ายประชาธิปไตยต้องได้เกิน 350 เสียง ผมบอกว่า 300 เสียง ฝ่ายประชาธิปไตยในปัจจุบันน่าจะถึง 350 เสียง" โทนี่ ระบุ

ถามว่า ยุบสภาฯ จะยุบสภาฯหรือไม่ โทนี่ระบุว่า ถ้ากรณี ที่ พล.อ.ประยุทธ์ แพ้แน่ๆ เขาไม่ได้ 25 ส.ส. ก็จะเลือกอยู่ครบเทอม แต่คนข้าง พล.อ.ประยุทธ์ ได้บอกหมดแล้วว่าจะได้ ส.ส. 100 เสียง เขาก็อาจจะเชื่ออย่างนั้น คนเรามีอำนาจมาก จะเริ่มหันหลังให้ความจริง วันนี้เลยระดมยาหมดอายุมากิน

"ประชาชนเป็นกำลังสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงการเมืองและเปลี่ยนแปลงประเทศ ผมอยากให้ประชาชนทำเหมือนนักฟุตบอล ตื่นเต้นเวลาเตะเข้าแล้วเอาลูกฟุตบอลมาตั้งตรงกลางสนาม หมายควาามว่า ประชาชนกาบัตรแล้วต้องไม่ให้มีการโกงเลือกตั้งทำอยังไงให้ประชาชนไปเฝ้าการนับคะแนน ใช้พลังประชาชนจริงๆ แล้วไม่มีการโกง ผมว่าประเทศเปลี่ยน ประชาธิปไตยก็จะพัฒนาขึ้น" โทนี่ย้ำ

ด้าน สุรนันทน์ ระบุทิ้งท้ายว่า "อยากให้ออกไปเฝ้ากระดานที่หน่วยเลือกตั้งตัวเอง ประะชาชนไม่อยากเห็นการโกง ออกแคมเปญไปเฝ้ากระดานนับคะแนน และเห็นด้วยกับ โทนี่ ถ้าพรรคใดได้เกิน 250 เสียงแล้วทำแคมเปญ สื่อ และประชาชนว่า ส.ว.มายุ่งไม่ได้ ต้องลงคะแนนตามเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนก็จะได้ผล ถ้าสื่อยังวิเคราะห์เทคนิค ส.ว.จะลงคะแนนให้ ก็จะทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยแพ้อีก"

โทนี่ 29_7586099801314658743_n.jpg