ไม่พบผลการค้นหา
กลุ่มราษฎรจัดกิจกรรม 'นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน' รื้อต้นไม้ คลุมผ้าแดงอนุสาวรีย์ฯ ก่อนเดินทางไปสักการะ 'ศาลหลักเมือง' แกนนำลั่นพร้อมสู้ ประกาศ 7 วันไม่ปล่อย 4 แกนนำ เจอชุมนุมใหญ่แน่ หลังยุติมีเหตุวุ่น เสียงคล้ายประทัดดังต่อเนื่องราว 20 ครั้ง

บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ‘นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน’ ซึ่งนัดหมายชุมนุมกันบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนั้น เริ่มมีมวลชนทยอยมารวมตัวตั้งเวลา 14.30 น. และยังคงมวลชนเดินทางเข้ามาในพื้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกับพบว่ามีบรรดาร้านค้ารถเข็น ได้เข้าจับจองพื้นที่บริเวณทางเท้าเพื่อคอยให้บริการแก่ผู้ชุมนุม

5.jpg

ต่อมาเวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมรถกระจายเสียงที่อยู่ในพื้นที่ได้เริ่มต้นประกาศว่า การชุมนุมในวันนี้เป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เรื่องห้ามรวมตัวกันอันเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค

พร้อมกันนั้น ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ได้ประกาศสวนขึ้นทันทีว่า หากการชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยผิดกฎหมาย การรวมตัวไหว้พระตรีมูรติ ที่หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ก็ผิดเช่นกัน 

4.jpg

ขณะที่ผู้ชุมนุมที่เดินทางมาในพื้นที่แล้ว กลุ่มการ์ดได้เข้าไปผลักดันให้รถขยายเสียง และเจ้าหน้าที่ตำรวจออกจากพื้นที่ พร้อมกับมีกลุ่มการ์ดนำผ้าแดงขณะใหญ่มาปูคลุมถนนบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ ทำให้มีการปิดการจราจรไปโดยปริยาย โดยพื้นที่คาดว่าจะมีการเตรียมไว้สำหรับการชุมนุมคือ ครึ่งหนึ่งของวงเวียนอนุสาวรีย์อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฝั่งโรงเรียนสตรีวิทยา 

6.jpg

ไมค์ ภาณุพงศ์ ประกาศต่อว่า หากวันนี้มีการสลายการชุมนุมจะไม่มีคำถอยออกจากปากตนเด็ดขาด เพราะเวลานี้เหลือเพียงคำว่า สู้ และสู้เท่านั้น แต่ขอมวลชนและการ์ดอย่าเข้าไปทำร้ายเจ้าหน้าที่ก่อน เพราะไม่ต้องการให้การชุมนุมเสียความชอบธรรม พร้อมชี้แจงว่าวันนี้จะขนต้นไม้ที่ทาง กทม. นำมาจัดวางไว้รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ออกมาวางไว้ด้านนอก เพื่อนำสิ่งปิดปังโบราณสถานที่สร้างขึ้นโดยคณะราษฎรออก แล้วจากนั้นจะนำผ้าแดงที่เตรียมไว้คลุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยระหว่างนี้ขอให้มวลชนเข้าไปเขียนข้อความต่างๆ ตามแต่ที่ต้องการ ลงบนผ้าผืนดังกล่าว

3.jpgคลุมผ้าแดง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ให้ 4 ราษฎรเข้าสักการะศาลหลักเมือง

เวลา 18.30 น. ครูใหญ่ อรรถพล บัวพัฒน์ ประกาศให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปศาลหลักเมือง โดยขอให้ผู้ชุมนุมที่มีความพร้อมอยู่แนวหน้ามาหยิบโล่ปกป้องตัว และย้ำว่าผู้ที่จะอยู่แนวหน้า อย่าเข้าปะทะเด็ดขาด ขอให้ป้องกันตัวเท่านั้น

ส่วนสาเหตุที่ไปศาลหลักเมือง ครูใหญ่ระบุว่า จะไปเจราจากับเจ้าพ่อศาลหลักเมืองว่า เวลาจะอยู่ข้างผู้มีอำนาจ หรือจะอยู่ข้างราษฎร

เวลา 18.55 น. หัวขบวนเคลื่อนตัวไปถึงแยกหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ จากนั้นกลุ่มการ์ดใช้โล่กันแนวกั้นที่ตำรวจวางไว้เปิดทาง จนแนวกั้นพังทลาย

ทั้งนี้ ครูใหญ่ประกาศต่อเนื่องให้ทำเพียงแค่เปิดทางอย่าทำร้ายเข้าหน้าที่ ตร. ก่อนที่ขบวนจะเข้ามาสู่ถนนบริเวณด้านข้างสนามหลวง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณแยกศาลหลักเมือง มีเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงตั้งแนวอยู่ประมาณ 200 นาย รวมทั้งมีการกางหีบเพลงลวดหนาม รั้วแผงเหล็ก และมากั้นไว้ นอกจากนี้ยังมีรถฉีดน้ำความดันสูงประจำการอยู่สองคัน

เวลา 19.00 น. หัวขบวนเดินทางมาถึงบริเวณเเนวกั้น โดยวางระยะห่างจากแนวกั้นประมาณ 200 เมตร ด้าน จนท.ตร. จากสน.พระราชวังประกาศให้กลุ่มราษฎรยุติการชุมนุมทันทีเนื่องจากเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ขณะที่ครูปราศรัยบนรถขยายเสียง ระบุว่า ต้องการส่งเสียงนี้ไปยังราษฎรทั่วประเทศวันนี้คือวันที่เรามาประกาศว่า การชุมนุมใหญ่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า ขอให้ราษฎรทุกภาคทุกจังหวัดเตรียมตัวให้พร้อมเข้าสู่กรุงเทพเร็วๆ นี้

ราษฎร ศาลหลักเมือง

ด้านเจ้าหน้าตำรวจก็ประกาศด้วยเช่นกันว่าขอให้ทางแกนนำราษฎรมาเจรจา เพื่อไม่เกิดความสูญเสีย ความบาดเจ็บ จากกลุ่มผู้ไม่ดี หรือมือที่สาม และขอผู้ชุมนุมอย่าทำลายแนวกั้น เพราะด้านหลังเป็นพระบรมมหาราชวัง

จากนั้นเวลา 19.15 น. การ์ดผู้ชุมนุมได้ขยับเข้าใกล้แนวกั้นของเจ้าหน้าเหลือระยะห่างเพียง 50 เมตร

ระหว่างรอแกนนำตัดสินใจว่าจะลงมาเจรจาหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศสื่อสารกับสื่อมวลชนด้วยว่า ภาพถ่ายต่างๆ ที่สื่อบันทึกไว้จะเป็นหลักฐานสำคัญว่า เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่เพียงป้องกันสถานที่ราชการ และพระบรมมหาราชวังเท่านั้น

รวมถึงขอสื่อมวลชนอย่าตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พร้อมประกาศย้ำให้แกนนำมาเจรจาเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดอย่างที่เคย

ผลการเจรจาของตัวแทนกลุ่มราษฎร ซึ่งมี ครูใหญ่เป็นตัวแทนได้ข้อสรุปว่า เจ้าหน้าที่ยินยอมให้กลุ่มราษฎร 4 คน เดินทางผ่านแนวกั้นเข้าไปสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองได้ แต่ขอให้พูดชุมนุมอยู่ห่างจากแนวกั้น และอย่าพยายามบุกเข้าใกล้แนวกั้น

สำหรับการสักการะศาลหลักเมืองนั้น ครูใหญ่ระบุว่า เป็นการเข้าไปเพื่อขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิของบ้านเมืองนี้อยู่ข้างราษฎร


ลั่น 7 วันไม่ปล่อย 4 แกนนำ เจอชุมนุมใหญ่

เวลาประมาณ 19.30 น. ตำรวจยินยอมให้ ราษฎร 4 คน ได้แก่ แหวน - ณัฏฐธิดา มีวังปลา , ครูใหญ่ - อรรถพล บัวพัฒน์ , ชนินทร์ วงษ์ศรี และ เบนจา อะปัญ ผ่านแนวกั้นเข้าไปสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองได้

ครูใหญ่ ระบุว่าได้เข้าไปขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมืองนี้อยู่ข้างเเละให้ความเป็นธรรมกับราษฎร

โดยหลังจากนี้ 7 วัน หากยังไม่มีการปล่อยตัว 4 แกนนำ พริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) , อานนท์ นำภา , สมยศ พฤกษาเกษมสุข และ ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม ที่ถูกฝากขังอยู่ในเรือนจำ กลุ่มราษฎรจะกลับมาชุมนุมใหญ่อีกครั้ง

เวลาประมาณ 20.20 น. ครูใหญ่ได้ประกาศยุติการชุมนุม กลุ่มราษฎรพากันทยอยเดินทางกลับบ้าน

อย่างไรก็ตามมีความวุ่นวายเกิดขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากมีมวลชนบางกลุ่มยังไม่ยอมกลับ โดยปักหลักอยู่ใกล้กับแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ มีการตะโกนด่าทอ แสดงความไม่พอใจแกนนำที่ประกาศยุติการชุมนุม โดยระบุว่า หากยังมาแล้วกลับอีก ต่อไปคนจะเข้าร่วมน้อยลง จากนั้นมีการขวางปาขวดน้ำใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเกิดเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นอีกหนึ่งครั้ง

รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล พยายามประกาศให้ทุกคนกลับบ้าน เเละชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันที่พร้อม

ทั้งนี้ระหว่างการชุมนุม มีเหตุการณ์ปะทะเล็กน้อยระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ขว้างปาสีและขวดน้ำใส่ นอกจากนี้ยังมีเสียงดังเเละกลุ่มควันลอยขึ้นในช่วงหนึ่ง

ราษฎร ตำรวจ ปาสี

เสียงดังคล้ายประทัดไม่ต่ำกว่า 18 ครั้ง

เวลา 20.30 น. ภายหลังแกนนำประกาศยุติการชุมนุม มีมวลชนบางส่วนไม่พอใจเเละปักหลักชุมนุมต่อ มีการตะโกนด่าทอเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง

ฝ่ายตำรวจประกาศให้ทุกคนเดินทางแยกย้ายกลับบ้าน พร้อมกับระบุว่าให้เวลา 30 นาที ไม่เช่นนั้นจะมีมาตรการพิเศษ โดยสั่งจัดระบบการควบคุมมวลชนด้วยการเสริมโล่เพิ่ม

ท่ามกลางความสับสนและตึงเครียดของสถานการณ์ ได้มีเสียงดังคล้ายประทัดดังต่อเนื่องเป็นระยะ ไม่ต่ำกว่า 18 ครั้ง มีเหตุชุลมุนความรุนแรงระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุมและพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บรายหนึ่งเป็นพยาบาลอาสาอีกด้วย

ถึงเวลาประมาณ 21.15 น. เหตุการณ์เริ่มสงบ โดยมีรายงานว่ามีผู้ถูกจับกุมอย่างน้อย 6 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง

ราษฎร ศาลหลักเมือง ราษฎร ศาลหลักเมือง ราษฎร ศาลหลักเมือง