ไม่พบผลการค้นหา
'สมชัย' รู้ทัน 'ไพบูลย์' ซบพปชร. หวั่นถูกริบเก้าอี้ จับตา 'กกต.' วางหลัก ก่อน ส.ส.ปัดเศษเอาอย่าง

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึง กรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ประกาศยุบพรรคตัวเอง แล้วจะไปเป็น ส.ส.ของ พลังประชารัฐ ว่า ถ้าเป็นสมัยก่อน บัตรเลือกตั้งสองใบ เขาได้เป็นบัญชีรายชื่อจากบัตรเลือกตั้ง ก็ถือว่ามีสถานะเป็น ส.ส.แล้ว เมื่อยุบพรรคก็ไปหาพรรคใหม่อยู่ได้ใน 60 วัน แต่กติกาใหม่ บัตรเลือกตั้งใบเดียว จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อผูกอยู่กับคะแนนเขตที่เลือกพรรคนั้น ผมจึงมีความเห็นว่า

1. โอนคะแนนไปให้พรรคใหม่ไม่ได้ เพราะตอนประชาชนกาบัตร เขาไม่ได้กาให้พรรคใหม่

2. กกต.ต้องคำนวณ ส.ส บัญชีใหม่ทั้งระบบ โดยตัดคะแนนพรรคคุณไพบูลย์ออก และจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อจาก ส.ส.ที่พึงจะมีแต่ละพรรคใหม่

3. นายไพบูลย์ ต้องเลือกไปอยู่พรรคที่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่ม(หากเขารับ) และคงสถานะเป็น ส.ส. (แต่หากไม่รับ ความเป็น ส.ส.สิ้นสุดลง)

4. ไม่ควรจบง่ายๆว่า ยุบแล้วไปอยู่พรรคไหนก็ได้ทันที เพราะเช่นนั้น บรรดาพรรค 1 เสียงทั้งหลายจะทำตาม เพื่อหลีกความเสี่ยงในความไม่แน่นอนที่ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งใหม่ใน 1 ปี หลังจาก 24 มีนาคม 2562 ว่าอาจถูก กกต.คำนวณใหม่ และหมดสภาพการเป็น ส.ส. เช่นเดียวกับ กรณีพรรคไทยรักธรรม

ดังนั้นเรื่องนี้ ควรเป็นเรื่องที่สังคมต้องจับตามอง และดูแนวการวินิจฉัยจาก กกต.ชุดปัจจุบันว่าจะมีมติอย่างไร

เปิดเนื้อหากฎหมาย ควบรวมพรรคส่อผิดรธน.

อนึ่งในแง่มุมของกฎหมาย ได้ระบุหมวด 9 การควบรวมพรรคการเมืองมาตรา 96 ในระหว่างอายุของสภาผู้แทนราษฎร จะมีการควบรวมพรรคการเมืองที่มี สมาชิกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมิได้ มาตรา 97 การควบรวมพรรคการเมืองให้กระทําได้เฉพาะเป็นการรวมกันเพื่อจัดตั้ง เป็นพรรคการเมืองใหม่ มาตรา 98 ในการควบรวมพรรคการเมืองตามมาตรา 97 ให้พรรคการเมืองที่จะรวมกัน ขอความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ของแต่ละพรรคการเมือง เมื่อที่ประชุมใหญ่ของแต่ละพรรคการเมืองเห็นชอบให้รวมกันแล้ว ให้หัวหน้าพรรคการเมือง และกรรมการบริหารพรรคการเมืองจํานวนพรรคการเมืองละสิบคน ประชุมร่วมกันเพื่อดําเนินการ ร่างข้อบังคับของพรรคการเมืองที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่