ไม่พบผลการค้นหา
ตั้งแต่วันช่วงปีใหม่ที่เพิ่งผ่านมา ข่าวที่ทำให้ทั่วโลกสะพรึงกลัวคือการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ซึ่งทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการปอดอักเสบเฉียบพลันรุนแรง มีลักษณะคล้ายไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เดิมที่ก่อให้เกิดโรคซาร์ส หรือ โรคระบบทางเดินหายในเฉียบพลันร้ายแรง ที่เคยระบาดหนักในเอเชียเมื่อปี 2002 และ 2003 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตในหลายประเทศจำนวนมากกว่า 700 ราย

ทางการจีนประกาศว่าศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่คือเมืองอู่ฮั่น โดยคาดว่ามนุษย์ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้จากการบริโภคเนื้อสัตว์ป่าตระกูลค้างคาว จากนั้นก็พบการระบาดออกไปยังหลายเมือง และล่าสุด ณ วันที่ 23 มกราคม จีนมีผู้ติดเชื้อแล้วรวม 548 ราย มีผู้เสียชีวิต 17 ราย ส่วนในประเทศอื่นพบผู้ติดเชื้อและแสดงอาการแล้ว ดังนี้ ในญี่ปุ่น 1 ราย ในไต้หวัน 1 ราย ในเกาหลีใต้ 1 ราย ในสหรัฐอเมริกา 1 ราย ในไทย 4 ราย 

การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ ทำให้หลายประเทศในแถบเอเชียประกาศใช้มาตรการฉุกเฉินตรวจสอบคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางจากเมืองอู่ฮั่นไปยังสนามบินของประเทศตน นอกจากนี้ ทางการไต้หวันได้ประกาศไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางจากเมืองอู่ฮั่นเข้าไต้หวัน ตามด้วยทางการเกาหลีเหนือก็ประกาศไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางจากเมืองอู่ฮั่นเข้าเกาหลีเหนือเช่นกัน

การระบาดที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการท่องเที่ยวในช่วงตรุษจีนของชาวจีนที่จะเริ่มในวันที่ 25 มกราคม 

ล่าสุด จีนได้ประกาศปิดเมืองอู่ฮั่น ห้ามประชาชนเข้าและออกจากเมืองอู่ฮั่น โดยมีเส้นตายเริ่มต้นในวันที่ 23 มกราคม เมื่อเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น 

อันที่จริง การปิดเมืองอู่ฮั่นไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่เรื่องเล็ก

อู่ฮั่นเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 7 ของจีน มีประชากรประมาณ 11 ล้านคน นอกจากเป็นเมืองเอกของมณฑลหูเป่ยซึ่งตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศจีน อู่ฮั่นยังอยู่ในฐานะ 1 ใน 9 นครศูนย์กลางแห่งชาติ (National Central Cities หรือ กว๋อเจียจงซินเฉิงชี่) ที่ทางการจีนกำหนดให้เป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา และการคมนาคม ซึ่งประกอบด้วย ปักกิ่ง เทียนสิน ป๋อไฮ่ เซี่ยงไฮ้ กวางโจว ฉงชิ่ง เฉิงตู เจิ้งโจว และ อู่ฮั่น นอกจากนี้ อู่ฮั่นยังเป็นเมืองที่มีรายได้สูงเป็นอันดับที่ 7 ของจีนอีกด้วย 

ทั้งนี้ เนื่องจากอู่ฮั่นมีที่ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศ ทางการจีนจึงได้พัฒนาให้อู่ฮั่นเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทั้ง ทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ เชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมของส่งจากทุกภูมิภาคของประเทศเข้าด้วยกัน 

สำหรับทางน้ำ อู่ฮั่นคือศูนย์กลางของการขนส่งทางน้ำในแม่น้ำแยงซีเกียง มีท่าเรือขนาดมหึมาที่จอดเรือระวางขับน้ำตั้งแต่ 4,000 ตัน ถึง 10,000 ตัน ได้ 1,700 ลำ สามารถรองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้ถึง 5 แสนตู้ ขนส่งสินค้าได้ 100 ล้านตันต่อปี และมีเป้าหมายจะพัฒนาขีดความสามารถให้ถึง 500 ล้านตัน ภายในปี 2025 ปัจจุบันนี้ เรือสินค้าจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถเดินทางไปจอดเรือที่ท่าเรืออู่ฮั่นได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายสินค้าใส่เรือเล็ก 

สำหรับทางบก อู่ฮั่นเป็นศูนย์กลางของเส้นทางรถไฟความเร็วสูงของจีนตอนกลางครอบคลุมรัศมี 1,200 กิโลเมตร รวมประชากรในรัศมีนี้ถึง 400 ล้านคน แล้วเป็นชุมทางเชื่อมกับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่ไปกรุงปักกิ่ง ซีอาน เฉิงตู เทียนสิน เซี่ยงไฮ้ หางโจว กวางโจว และฮ่องกง นอกจากนี้ อู่ฮั่นยังเป็นชุมทางของถนนที่เชื่อมสองฝั่งของแม่น้ำแยงซีเกียง โดยมีสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีเกียงถึง 20 แห่ง มีถนนซันหยางเป็นอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำแยงซีเกียง มีความยาว 4.65 กิโลเมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 15.2 เมตร มีลักษณะเป็นอุโมงค์สองชั้น ชั้นบนเป็นถนน ชั้นล่างเป็นรถไฟใต้ดิน 

นับตั้งแต่ปลายปี 2013 ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้ผลักดินความคิดริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt Road Initiative หรือ One Belt, One Road) ซึ่งเป็นอภิมหายุทธศาสตร์ที่จีนสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมกับภูมิภาคต่างๆของโลก เพื่อทำให้เกิดระเบียบใหม่ของเศรษฐกิจโลกที่มีจีนเป็นศูนย์กลาง ทางการจีนได้กำหนดให้อู่ฮั่นเป็นศูนย์กลางของการเชื่อมระบบคมนาคมขนส่งของประเทศต่อเข้ากับเส้นทางคมนาคมขนส่งในความคิดริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง คือ อู่ฮั่นมีเส้นทางรถไฟขนส่งสินค้าข้ามทวีปไปยุโรปซึ่งเปิดใช้มาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2012 

เส้นทางแรก เป็นทางรถไฟขนส่งสินค้าสายใต้ แล่นออกจากอู่ฮั่น ไปยังซินเจียง เข้าไปยังประเทศคาซัคสถาน ประเทศเบลารุส แล้วเข้าสู่ยุโรป ผ่านเมืองมาลาเชวิคในโปแลนด์ ผ่านฮัมบูร์กและดุยส์เบิร์กของเยอรมัน ผ่านลียงของฝรั่งเศส แล้วไปสิ้นสุดที่กรุงปารีส 

เส้นทางที่สองเป็นทางรถไฟสายเหนือ ออกจากอู่ฮั่นขึ้นเหนือไปแมนจูเรีย มุ่งสู่กรุงมอสโควของรัสเซีย แล้วเข้าประเทศเบลารุส แล้วเข้าสู่ยุโรป ผ่านเมืองมาลาเชวิคในโปแลนด์ ผ่านฮัมบูร์กและดุยส์เบิร์กของเยอรมัน ผ่านลียงของฝรั่งเศส แล้วไปสิ้นสุดที่กรุงปารีส เช่นเดียวกับขบวนรถไฟขนส่งสินค้าสายใต้ 

เส้นทางรถไฟจากอู่ฮั่นไปยุโรปนี้มีระยะทางประมาณ 12,000 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางตลอดสาย 17 วัน ในขณะที่ตามปกตินั้นการใช้เรือเดินสมุทรขนส่งสินค้าจากจีนไปยุโรปใช้เวลา 45 วัน จึงเท่ากับว่าทางรถไฟสามารถประหยัดเวลาในการขนส่งสินค้าจากจีนไปยุโรปได้ถึง 30 วัน 

สำหรับการคมนาคมทางอากาศ อู่ฮั่นมีสนามบินเทียนเหอซึ่งเป็นสนามบินที่ติดอันดับ 4 ของสนามบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน ซึ่งอีกสามแห่ง คือ สนามบินกรุงปักกิ่ง สนามบินเซี่ยงไฮ้ และสนามบินไป่หยุนที่กวางโจว ทั้งนี้ สนามบินเทียนเหอมีเที่ยวบินทั้งภายในประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศหลายร้อยเที่ยงบินต่อวัน สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศนั้น จากอู่ฮั่นสามารถเดินทางโดยตรงไปยัง 53 ประเทศ ทั่วโลก โดยผู้โดยสารต่างชาติที่มายังสนามบินแห่งนี้สามารถเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองไปท่องเที่ยวในอู่ฮั่นโดยไม่ต้องมีวีซ่าจีนได้นานถึง 144 ชั่วโมง  

ดังนั้น การปิดเมืองอู่ฮั่นจึงเป็นเรื่องใหญ่มาก และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะอู่ฮั่นไม่ใช่เมืองเล็กๆ ที่ไร้ความสำคัญ 

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจากความจริงที่ว่าเมืองอู่ฮั่นเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง ทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ มีผู้คนเข้าออกต่อวันจำนวนมหาศาลนับตั้งแต่เริ่มระบาดจนถึงวันที่ปิดเมือง จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะสกัดกั้นไม่ให้มีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่