ไม่พบผลการค้นหา
ครอบครัวผู้ถูกทหารวิสามัญฆาตกรรม 2 ราย 'ชัยภูมิ ป่าแส -อะเบ แซ่หมู่' พร้อมทนายความ เข้ากรุงตามหาความยุติธรรม เรียกร้องค่าเยียวยาจากกองทัพบก ด้านแม่อะเบ พ้อทั้งน้ำตา "ลูกฉันถูกยิงตายฟรี"

นับเป็นเวลากว่า 2 ปี ตั้งแต่ 17 มี.ค. 2560 ซึ่ง 'ชัยภูมิ ป่าแส' เยาวชนนักกิจกรรมชาวลาหู่ ถูกยิงเสียชีวิตที่ด่านตรวจ บ้านรินหลวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ทหารอ้างว่าได้ตรวจค้นยาเสพติดนายชัยภูมิ และมีการขัดขืนต่อสู้ด้วยการโยนระเบิด จนท.จึงลงมือยิงจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต

ในช่วงเวลานั้นมีการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ต่อพฤติการณ์การเสียชีวิตครั้งนี้ โดยเฉพาะประเด็นสำคัญ คือ 'ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์' ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าไม่สามารถเปิดภาพได้หลังจากได้รับเทปบันทึกจากเจ้าหน้าที่ทหาร สอดคล้องกับศาลเห็นว่าไม่จำเป็นมีเพราะหลักฐานมากเพียงพอแล้ว จึงไม่มีการนำภาพบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวมาใช้ประกอบการพิจารณาคดี

จนมาถึงเมื่อปี 2561 ศาลเชียงใหม่มีคำสั่งชี้ว่านายชัยภูมิ เสียชีวิตจากกระสุนของพลทหารสุรศักดิ์ รัตนวรรณ ซึ่งใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิง ส่วนประเด็นที่มีข้อโต้แย้งของญาติที่ไม่เชื่อว่าผู้เสียชีวิตครอบครองยาเสพติดนั้น ศาลมิได้มีคำวินิจฉัยแต่อย่างใด และไม่ตัดสิทธิครอบครัวในการฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง โดยขณะนี้กรณีดังกล่าวอยู่ในชั้นอัยการศาลทหารเชียงใหม่

ล่าสุด วันนี้ (22 พ.ค.2562) นางนาปอย ป่าแส และนางอะหมี่มะ แซ่หมู่ มารดาของ นายชัยภูมิ ป่าแส ชาติพันธุ์ลาหู่ และนายอะเบ แซ่หมู่ ชาวชาติพันธุ์ลีซู ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญฆาตกรรม โดยที่ทั้งสองเหตุการณ์เกิดขึ้นห่างกันเพียงหนึ่งเดือน และเจ้าหน้าที่อ้างเหตุผลในลักษณะเดียวกัน คือ ครอบครองยาเสพติด และขัดขืนการตรวจค้น และศาลชี้ว่านายชัยภูมิและนายอะเบถูกยิงจากทหารทั้งสองกรณี ทางครอบครัวของทั้งคู่ พร้อมนายรัษฏา มนูรัษฏา ทนายความ จึงได้เดินทางมายื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากกองทัพบก ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร




6940.jpg

โดยทนายรัษฎา ยืนยันว่า ไม่มีความกังวลสำหรับกรณีฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดจากอาชกรรมโดยรัฐ และเห็นว่าเมื่อรัฐกระทำความผิดก็ต้องเยียวยาและต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย อย่างไรก็ดี ทนายรัษฎาได้ตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมา หลักฐานจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ 9 ตัว เจ้าหน้าที่ทหารไม่เคยนำมาแสดงต่อศาลเลย

"วันนี้ญาติมาเรียกร้องความยุติธรรม กองทัพบกต้องเยียวยารับผิดชอบ เราเชื่อมั่นว่าจะได้รับความยุติธรรม ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทหารลุแก่อำนาจ โดยมอบอาวุธสงครามให้แก่ทหารในพื้นที่ และหลายกรณีเกิดขึ้นโดยไม่มีการใช้วิจารณญาน จึงเป็นเรื่องที่กองทัพต้องทบทวน " ทนายรัษฎา ระบุ 




6942.jpg

สำหรับค่าเสียหายที่สองครอบครัวเรียกนั้น ทนายรัษฎาระบุว่า กรณีของนายชัยภูมิอยู่ที่ 4 ล้านบาท ส่วนของนาย อะเบอยู่ที่ 7 ล้านบาท เพราะเมื่อเทียบกับกรณีเยียวยาผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมคนเสื้อแดง ปี 2553 จำนวน 7.5 ล้านบาท เห็นว่าเป็นตัวเลขที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ทั้งสองครอบครัวก็รู้สึกว่าการสูญเสียบุคคลที่เป็นที่รัก จำนวนเงินเพียงเท่านี้ก็ไม่สามารถทดแทนได้

ด้านนางอะหมี่มะ แซ่หมู่ มารดาของนายอะเบ ได้ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่า ที่มาวันนี้ มาหาความยุติธรรม หลังจากลูกชายโดนทหารยิงตายฟรี โดยที่ลูกชายเขาไม่ได้ทำความผิด สำหรับระเบิดที่ถูกกล่าวอ้าง แม่ก็ไม่เคยเห็น และเชื่อว่ากรณีนี้ไม่ได้ความยุติธรรมสำหรับมนุษย์ทั่วไป 

ทั้งนี้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภายหลังจากลูกชายเสียชีวิตก็เหมือนเสาหลักของบ้านล้มไป ฝนมาไม่มีที่หลบ และมีความเศร้าและผวากลัวมาก จึงมาขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ภายหลังการเข้ายื่นฟ้องในวันนี้ ทนายรัษฎา เปิดเผยว่า ศาลรับคำร้องและจะดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป และศาลนัดทั้งสองคดีในการชี้สองสถานหรือกำหนดแนวทางการดำเนินคดีหรือสืบพยานโจทก์ วันที่ 22 ก.ค.นี้ และเชื่อว่าทั้งสองคดีจะได้รับความเป็นธรรมจากศาล


ข่าวที่เกี่ยวข้อง