ไม่พบผลการค้นหา
ประชุมใหญ่ ปชป. เดือด ‘อันวาร์’ ชำแหละแผลพรรคตกต่ำ เพราะดีแต่พูด แฉรับใบสั่งถอด กมธ.สอบสภาใหม่ ‘เฉลิมชัย-ลูกพรรค’ รับไม่ได้โต้ภาพลักษณ์พรรคดีขึ้นทั้งเหนือ-อีสาน ‘วิลาศ’ ลั่นประชาธิปัตย์สุจริต แต่มีคดีทุจริตกลับเงียบ

การประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2563 พรรคประชาธิปัตย์ วาระพิจารณาแผนยุทธศาสตร์พรรค นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส. ตรัง กล่าวว่า สิ่งที่ตนอยากเติมเต็มในแผนยุทธศาสตร์ คือการนำเอาความเห็นของเพื่อน ส.ส. ที่ไปสัมมนามา บรรจุลงไปในแผนยุทธศาสตร์ของพรรคในครั้งนี้ด้วย เราได้สะท้อนความคิดเห็นต่างๆ โดยเฉพาะจากพื้นที่ เรื่องที่ตรงกันคือการประเมิน รัฐมนตรี การทำหน้าที่ของ ส.ส. ซึ่งถูกต้องและควรทำให้เป็นรูปธรรมเพื่อให้ตอบโจทย์กับประชาชนที่สนับสนุนพรรค และผลของการประเมินควรมีการเกิดเผยให้สมาชิกรับทราบ และน่าจะรวมถึงกรรมการบริหารพรรค พร้อมทั้งประเมินความนิยมของพรรคต่อประชาชนเพื่อให้กลับมาเป็นพรรคหลักของประเทศ ซึ่งนายเฉลิมชัย กล่าวว่าตอนนี้ตนได้ดำเนินการเรื่องสำรวจความเห็นไปแล้ว รอผลสรุปเพื่อจัดทำเป้าหมายที่ชัดเจนเท่านั้น

ต่อมานายอันวาร์ สาและ รองเลขาธิการพรรคและ ส.ส.ปัตตานี ยกมือขอแสดงความเห็น โดยระบุว่า พรรคเปลี่ยนโลโก้พรรคโดยตัดพุทธภาษิตออก ทำร้ายจิตใจของสมาชิกพรรค นอกจากนี้ยังกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีแนวโน้มตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีวี่แววพลิกฟื้นในอนาคตอันใกล้นี้ เป็นเพราะว่าพรรคเดินผิดทาง เปลี่ยนโอกาสเป็นวิกฤต ส่งผลให้แพ้เลือกตั้ง สูญเสียที่นั่ง ส.ส.ทุกเขตเลือกตั้ง โดย เฉพาะอย่งยิ่งในพื้นที่ กทม.ที่แพ้เลือกตั้งจนเหลือศูนย์

"ผมวิเคราะห์เหตุแห่งความตกต่ำของพรรคประชาธิปัตย์ว่า มาจากประชาชนผิดหวังกับการกระทำของพรรค และพรรคไม่สมารถลบล้างข้อครหาที่เป็นตราบาปของพรรคได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีแต่พูด-เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้เพื่อน ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในระหว่างสมาชิกพรรค" นายอันวาร์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายอันวาร์กำลังพูด นายวิรัช ร่มเย็น นายทะเบียนพรรค ลุกขึ้นประท้วงว่าประเด็นของนายอันวาร์ควรเอาไปพูดในวาระอื่นๆ แต่นายอันวาร์ยืนยันว่าสิ่งที่จะพูดเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์พรรค นายจุรินทร์ จึงยอมให้พูดต่อ

ทั้งนี้นายอันวาร์ กล่าวว่าที่ผ่านมาคนบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ดีแต่พูด ซึ่งหากดูเหตุการณ์ที่นายอภิสิทธิ์ เวชาชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค กล่าวก่อนการเลือกตั้งว่าจะไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่กลับมีมติพรรคให้โหวตรับ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ประชาชนเสียศรัทธา ดังนั้นจึงต้องสร้างความศรัทธากลับคืนมาให้ประชาชน อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เองเคยบอกว่านักการเมืองเลว จะปฏิรูปการเมืองก็ไม่ได้ทำ ออกรัฐธรรมนูญมาเอื้อประโยชน์ให้ตนเองและเอาเปรียบทุกพรรค ภาพพจน์ของรัฐบาลก็เห็นชัดกันอยู่ว่าดีหรือไม่ดี ทั้งกรณีของฌอน บูรณหิรัญ และม็อบเยาวชน หรือแม้กระทั่งกรณีของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เป็นประเด็นที่ต้องมาคุยกันในพรรคว่าประชาชนรู้สึกอย่างไร และแสดงให้เห็นว่าพรรคไม่ละเลย พรรคพร้อมอยู่เคียงข้างประชาชน พรรคเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เราได้ทำหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตยแล้วหรือไม่ หรือว่าพรรคทำตามสั่ง เดิมพรรคก็ตกต่ำอยู่แล้ว แต่พอร่วมรัฐบาลแล้วภาพลักษณ์จะเป็นอย่างไรต่อ 

"ขอประกาศว่าไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้นใน ครม. ไม่ต้องกังวลว่าจะแย่งของใคร เพราะมีข่าวลือว่าที่ อยากเสนอเปิดประชุมพรรคเพราะต้องการเป็นรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องปัญญาอ่อน ไม่ใช่คนชั่ว เหมือนกับคนที่เอามาพูดพวกนั้นเป็นคนที่เก่งแต่การนินทาลับหลัง สิ่งที่ต้องการคือ ไม่ให้พรรคเลือดไหล คนเก่งออกไปมากกว่านี้ ทุกวันนี้หลายคนรู้ว่าพรรคตกต่ำ แต่ไม่เคยเสนอทางแก้ ใครออกมาเสนอก็โดนใส่ร้าย " นายอันวาร์ กล่าว

อันวาร์ สาและ 3CB-7EB6-4DEB-9446-986F9CD1159A.jpeg

นายอันวาร์ กล่าวว่า การตั้งกรรมาธิการในการสร้างสภาล่าช้า โดยให้นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ เป็นประธาน กมธ. แต่วันรุ่งขึ้นกลับเปลี่ยนตัว ทำให้ต้องตั้งข้อสงสัยว่าพรรครับคำสั่งใคร เคยมีคนมีข่าวลือว่ามีเงินตกหล่นใต้สภา 500 ล้านบาทจริงหรือไม่ ขณะเดียวกันนายอันวาร์ ยกตัวอย่างผลการเลือกตั้งทั่วประเทศจะเห็นว่ามีสัดส่วน ส.ส. ลดไปมาก โดยเฉพาะภาคใต้ 50 เขต ได้เพียง 22 ที่นั่งซึ่งเคยเป็นฐานที่มั่น กรุงเทพมหานครก็สูญพันธุ์

นอกจากนี้ยังย้ำว่ารัฐมนตรีของพรรคทำงานเต็มที่แต่ไม่มีกระแส ประเด็นหน้ากากอนามัย และการสินค้าขาดตลาดช่วงโควิดไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน กระทรวง พม. ในขณะที่พรรคล้มเหลว ตกต่ำในช่วงการเลือกตั้ง แต่นายจุติ ไกรฤกษ์ อดีตเลขาธิการพรรค กลับได้เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่ภาคเหนือได้เพียงที่นั่งเดียว ควรกลับเป็นคนนั้นหรือไม่ที่ได้ตำแหน่ง กระทรวงสาธารณสุข มีหลายคนบอกว่าทำงานเหมือนข้าราชการประจำ แม้จะจัดการเรื่องโควิดได้ดี แต่ต้องป้องกันไม่ให้คนป่วยและต้องเข้าโรงพยาบาลมากขึ้น กระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีช่วยไม่มีพื้นที่ เพราะรัฐมนตรีแอคชั่นแรง ทั้งที่นายถาวร เสนเนียม ก็ทำงานแต่ไม่มีกระแส กระทรวงมหาดไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ทำโพลก่อนการเลือกตั้งมาว่าตนไม่ผ่าน และลงสมัครเขตเลือกตั้งไม่ได้ และกรณีนี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกับอีกหลายคน ซึ่งเป็นการทำโพลเพื่อคัดเลือกคนมาลงสมัครรับเลือกตั้งผิด เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พรรคแพ้การเลือกตั้ง ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยที่ชนะการเลือกตั้งเราต้องดูว่าเขามีอะไร สิ่งสำคัญคือพรรคเพื่อไทยมีแรงศรัทธาที่ประชาชนกลับมาเลือก ทั้งที่ถูกยุบพรรคหลายครั้ง

ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค แย้งว่า นายอันวาร์ เป็น ส.ส. และรองเลขาธิการพรรค เวลาพูดอะไรต้องใช้ดุลยพินิจ ไม่ควรพาดพิงพรรคอื่นหรือคนอื่น ต้องไตร่ตรองว่าควรหรือไม่ควร แต่นายอันวาร์ ยืนยันว่าสิ่งที่ตนพูดเป็นไปตามข่าว จากนั้นนายอันวาร์ จึงเปลี่ยนภาพสไลด์จากเพื่อไทยและก้าวไกลที่แม้จะเป็นพรรคใหม่แต่คนเลือก เป็นคำว่า “พรรคประชาธิปัตย์ควรแก้ที่คน ไม่ใช่แก้ที่โลโก้” พร้อมกล่าวต่อว่า ต้องทำให้พรรคประชาธิปัตย์หวังและพึ่งได้ พรรคต้องยึดมั่นในอุดนการณ์ที่บรรพบุรุษให้ไว้อย่างเคร่งครัด ยึดมั่นสัญญากับประชาชนและยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย 

นายอันวาร์ กล่าวอีกว่า ถ้าพรรคจะเติบโตได้ต้องมีเนื้อหา และการสื่อสารที่เข้าถึง ตอนนี้ประชาชนกำลังตระหนกว่าตนเองมีอำนาจเพียงใด แต่ขณะเดียวกัน ถ้าวันหนึ่งประชาชนหันหลังให้เรา เราก็ไม่มีอำนาจนั้น เราต้องแก้ไขที่ปัญหาและความเจ็บปวดของประชาชนให้ถูกจุด คำว่าประชาธิปัตย์ หมายถึง ประชาชนคงไว้ซึ่งอำนาจอธิปไตย ดังนั้นเราต้องคงสิ่งนี้ไว้ อำนาจอธิปไตย คืออำนาจของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน 

ขณะที่ระหว่างการแสดงความเห็นของนายอันวาร์ มีนายชัยชนะ เดชเดโช และนายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ประท้วงว่า สิ่งที่พูดไม่อยู่ในประเด็น และยังมีสมาชิกพรรคอีกหลายคนลุกขึ้นประท้วงปกป้องหัวหน้าพรรคและเชื่อมั่นว่าพรรคจะกลับมายิ่งใหญ่ตามแนวทางของหัวหน้าพรรค และยืนยันว่าภาพลักษณ์ของพรรคไม่ได้ตกต่ำ แต่ตรงข้ามคือดีขึ้นทั้งในมุมมองของชาวภาคเหนือและอีสาน

นายเฉลิมชัย กล่าวตอบว่า เรื่องที่บอกว่าคนกลัวว่านายอันวาร์ต้องการเป็นรัฐมนตรี ตนขอชี้แจงว่าคุยกับ ส.ส. หลายคนไม่มีใครกลัวเรื่องนี้ ตนยอมรับว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ แต่เราต้องรับมาปรับปรุง กรรมการบริหารพรรคพร้อมที่จะรับฟังความเห็นและพร้อมที่จะนำไปปฏิบัติ ส่วนกรณีที่บอกว่าพรรคดีแต่พูดจากที่นโยบายของนายอภิสิทธิ์ นายเฉลิมชัยบอกว่าตอนที่นายอภิสิทธิ์มีแนวทาง ทุกคนเดินตามหัวหน้า เพราะเราคือประชาธิปัตย์ เมื่อแพ้เราก็ยอมรับ และหาทางออก ไม่ใชข่ตำหนิอย่างเดียวอันนี้เรียกว่าดีแต่พูด และเมื่อประชุมกรรมการบริหารพรรคใหม่ก็มีแนวทางและเป็นไปตามกฎระเบียบของพรรค

ส่วนประเด็นการเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ถ้าไม่ให้คนอื่นว่าต้องไม่ทำตัวเอง ถ้าไม่ให้คนด่าพรรคเรา เราต้องไม่ทำตัวเราเอง ประชาธิปัตย์ที่ยังยืนอยู่ได้ และเป็นจุดแข็งคือพรรคไม่มีเจ้าของที่แท้จริง ทุกคนเป็นเจ้าของพรรค ตอนนี้เรามีหน้าที่ต้องพาพรรคเดินออกไปข้างนอก ตนอยากให้ประชาธิปัตย์เดินไปพร้อมกันเหมือนครอบครัว คำพูดที่บอกว่าพรรคตกต่ำ ตนก็รับฟัง แต่ต้องเปิดใจให้กว้าง เปิดใจเราให้กว้างก่อนแล้วค่อยเปิดใจคนอื่น สมมติว่าถ้าคิดว่าพรรคตกต่ำก็มาช่วยกัน แต่ตนคิดว่าพรรคไม่ตกต่ำขนาดนั้น และอยากให้ทุกคนมาร่วมเดินไปกับตนถึงจุดนั้นจุดที่ดีที่สุด เรื่องกรรมาธิการตรวจสอบการก่อสร้างสภาล่าช้า ไม่มีใครสั่งและไม่มีใครสั่งพรรคประชาธิปัตย์ได้ แต่มีเหตุผลอย่างอื่น ตนยืนยันว่าตนสู้เต็มที่และรักษาพรรคไว้เต็มที่ 

หลังนายเฉลิมชัยตอบคำถามนายอันวาร์ มีสมาชิกหลายคนที่ถูกอ้างถึงลุกขึ้นชี้แจง อาทิ นายธนา ชีรวินิจ อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวพาดพิงพรรคหลายกรณีว่า สิ่งที่นายอันวาร์ทำ ทำให้พรรคเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น และขอให้มาช่วยกัน ทุกครั้งที่นายอันวาร์ทำ ผลกระทบสะท้อนทั้งในพื้นที่และความรู้สึกไม่ดีที่คนมีต่อพรรคประชาธิปัตย์

ด้านนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงกรณีถูกพาดพิงว่าถูกเจ้ากระทรวงสั่งซ้ายหันขวาหัน ทำให้ไม่มีผลงาน โดยยืนยันว่า ศักดิ์ศรีความเป็นประชาธิปไตย ไม่มีใครสั่งซ้ายหันขวาหันได้แน่นอน แต่สิ่งที่นายอันวาร์พูด จะต้องมีข้อเท็จจริงว่าสั่งซ้ายหันขวาหันเมื่อใดและเรื่องใด แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการอยู่ร่วมกัน โดยใช้ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน เป็นเครื่องมือทำงานร่วมกัน และนโยบายต้องเป็นนโยบายรัฐบาล เรื่องที่ตนเองเขียนไว้ในหนังสือผลงาน 1 ปี กับคลิปผลงานส่งให้พรรคยาว 20 นาที หากทำอะไรไม่ได้เป็นไปตามนโยบาย หรือไม่มีผลงาน ก็ไม่เกี่ยวข้องกับการสั่งซ้ายหันขวาหัน เป็นเรื่องความสามารถหรือไม่มีความสามารถของตนเอง แต่อย่างไรก็ตามอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีการประเมินผลงานคนที่เป็นรัฐมนตรี คิดว่าผลออกมาอย่างไรก็รับได้ ไม่ว่าสอบตกหรือสอบผ่าน เพราะเอกลักษณ์ของปพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องรักษา คือรักษาความเป็นประชาธิปไตยเอาไว้

ขณะที่นายวิลาศ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเองได้แถลงความเละเทะของการสร้างสภาใหม่ ไม่รู้ว่าไปแทงใจดำใครบ้าง ตนก็แสดงความคิดเห็นและไปร้อง ป.ป.ช. ตามปกติ แต่ก็เกิดปัญหาที่พรรค มีหัวหน้าพรรคพรรคหนึ่ง มาบอกว่าหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเขาด่าลูกพรรคไปแล้วที่แถลงข่าว และตนก็ไม่รู้ว่าใครส่งไลน์ไป และไม่มีการยอมรับหรือปฏิเสธ หลังจากนั้นก็มีญัตติตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ตนยืนยันมาตลอดว่าชอบตรวจสอบอิสระ เพราะไม่รู้ว่าเข้าไปแล้วจะฮั๊วะกันยังไง แต่วันนั้นในที่ประชุมพรรคมีคนจะเสนอตนเป็นกรรมาธิการ ตนก็ยืนยันว่าไม่เอา แต่ก็มีมติว่าให้ตนเป็นกรรมาธิการ แต่เมื่อเวลาผ่านไปถึง 2 ทุ่มมีคนมาบอกว่าขอเปลี่ยนตัว แต่ตนขอให้ทำตามหลักการคือเปลี่ยนในที่ประชุมพรรค ตนไม่รู้ว่าประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์เป็นใครและใหญ่มาจากไหน และถามกลับว่าคนที่เปลี่ยนแทนตนได้เข้าประชุมหรือเปล่า มีโจรคนไหนอมน้ำมนต์มา ไม่อยากบอกว่าพฤติกรรมแบบนี้มันส่อว่าอยู่ใต้อาณัติ ใครจะปฏิเสธไม่มีทาง

นายวิลาศ กล่าวว่า ขอให้ที่ประชุมพรรคยึดหลัก สิ่งที่พูดไปต้องทำจริง ไม่ใช่วันนี้อยู่ดีๆ ไปประกาศว่าพรรคมีข้อบังคับมีบทลงโทษ แต่ทำเฉพาะบางคนอย่างนี้ใช้ไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องทุจริตที่เป็น 1 ใน 3 เงื่อนไขร่วมรัฐบาล แล้วเวลามีข่าวทุจริตพรรคเคยแสดงความคิดเห็นสักครั้งไหม เห็นสงบเสงี่ยมเจียมตัวดี บอกว่าเป็นพรรคเล็กทำอะไรต้องเกรงใจแกนนำ แต่เราต้องยึดความถูกต้อง อะไรที่ใช้ไม่ได้ ต้องบอกว่าใช้ไม่ได้ บางคนอาจจะบอกว่าวันนี้เสียงพรรคยังดี แต่แหล่งที่มาไม่เหมือนกัน ตนลงพื้นที่ไม่น้อยกว่าคนอื่น ถ้าเรายังยึดนโยบายแบบนี้มันจะดีจริงไหม ถ้าเราตามเขาไปถึงพริกถึงขิง คนที่เริ่มวิจารณ์พรรคเรามีความรู้มีฐานะ คนเหล่านี้เป็นฐานเสียงพรรคเรา แต่เขาเริ่มไปที่อื่นและค่อนข้างวิจารณ์เรา