ไม่พบผลการค้นหา
"ชวลิต" ชี้ความเห็น กกต.ประเด็นคุณสมบัติ "ประยุทธ์" ไม่เป็นที่สุด มีข้อมูลใหม่ที่ศาล รธน.ควรรับฟัง

นายชวลิต วิชยสุทธ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นประเด็นคุณสมบัติการเป็นนายก รัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สรุปว่าการที่ กกต.ได้รับรอง พล.อ.ประยุทธ์ ฯ ว่ามีคุณสมบัติชอบด้วยรัฐธรรมนูญในการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ นั้น ตนมีความเห็นว่า ความเห็นของ กกต.ดังกล่าวยังไม่เป็นที่สุด เพราะ กกต.ไม่ใช่ศาล เมื่อความปรากฎต่อสาธารณะอย่างแพร่หลายว่า ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาที่ 3578/2560 ชี้สถานะว่า พล.อ.ประยุทธ์ ฯ หัวหน้า คสช.เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย

หมายความว่าเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ อย่างชัดเจน เท่ากับ พล.อ. ประยุทธ์ ฯ มีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญ ไม่อาจเป็นนายกรัฐมนตรีได้ตามรัฐธรรมนูญ 2560 และทุกฉบับที่ผ่านมา ทุกองค์กรตามรัฐธรรมนูญต้องยึดหลักนิติธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎบัตรสหประชาชาติ เพราะประเทศไทยไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้เพียงประเทศเดียว     

ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญคงมิได้ฟังความเห็นของ กกต.ที่เคยมีความเห็นไว้เท่านั้น เมื่อความปรากฎว่าข้อมูลคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์ ฯ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ศาลรัฐธรรมนูญต้องตรวจสอบทุกข้อมูลเพื่อประกอบการวินิจฉัยในคำร้องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ส่งมา เพราะถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยไม่ฟังข้อมูลจากศาลฎีกาซึ่งมีคำพิพากษาวางบรรทัดฐานไว้ กระบวนการยุติธรรมของไทยอาจขาดความเชื่อถือ

ทั้งในหมู่ประชาชนคนไทย และที่สำคัญ คือชาวโลก ที่จะต้องปฏิสัมพันธ์กับประเทศไทยทั้งในระดับทวิภาคี หรือพหุภาคี ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมอย่างรุนแรงหากเป็นเช่นนั้น หายนะก็จะมาเยือนประเทศไทยอย่างแน่นอน เพราะจะไม่มีใครมาคบค้าสมาคมกับประเทศที่ไม่ยึดหลักนิติธรรมในการปกครองประเทศ เรื่องนี้ เป็นประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ ประชาชนคนไทยและชาวโลกกำลังติดตามความคืบหน้าการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญอย่างใกล้ชิด

ขณะที่นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีมีเหตุอันควรสงสัยในความเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐของหัวหน้าคสช.นั้น ที่ผ่านมามีหลายฝ่ายได้นำเสนอข้อเท็จจริงหลายประการมาแสดงต่อสังคมได้เห็นแล้ว อันเป็นการยืนยันความเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ เช่น การที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาระบุว่า การที่นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่งหัวหน้าคสช.เรียกบุคคลให้มารายงานตัวภายหลังเกิดการรัฐประหาร แต่นายสมบัติไม่มา เมื่อถูกจับได้ในเวลาต่อมาถือเป็นความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานตามประมวลกฏหมายอาญา ศาลฎีกาจึงพิพากษาให้จำคุก  

ประเด็นต่อมา ได้ประกาศคำสั่งหัวหน้าคสช.หลายฉบับ ระบุชัดแจ้งว่า คสช. ได้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินหลังจากการยึดอำนาจ  นอกจากนี้ หัวหน้าคสช.และคสช.ยังได้รับค่าตอบแทนเป็นรายเดือน จากเงินภาษีประชาชน รวมทั้ง การออกคำสั่งหัวหน้าคสช.สั่งปิดเหมืองทองคำอัคราไมนิ่ง ก็ทำในนามเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ข้อเท็จจริงเหล่านี้ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ เข้าลักษณะมีเหตุอันควรสงสัยได้แล้ว จึงควรต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีไว้ก่อน รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การที่นายวิษณุ ให้ข่าวว่าไม่ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่เพราะเป็นการตีความสถานะไม่เกี่ยวกับการทุจริต เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง เพราะเป็นการให้ความเห็นเพื่อประโยชน์ของพลเอกประยุทธ์ ซึ่งขัดกับหลักกฎหมาย และข้อเท็จจริง ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว 

“คำถามคือหากพลเอกประยุทธ์ไม่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ การออกคำสั่งปิดเหมืองทองอัคราไมนิ่ง พลเอกประยูทธ์ใช้อำนาจในสถานะใด เพราะหากไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐพลเอกประยูทธ์จะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายดังกล่าวเป็นการส่วนตัว แต่หากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ รัฐบาลต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับเหมืองทองอัคราไมนิ่ง ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน และกกต.ไม่มีสิทธิ์เสนอเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่ต้น” นางลดาวัลลิ์ กล่าว