ไม่พบผลการค้นหา
'สุทิน' สรุปปิดญัตติอภิปรายทั่วไป แนะ 'ประยุทธ์' ยุบสภาฯ เหมือน 'เปรม' ปี26 เตือน 'ประยุทธ์' ยังเมินเสียงเรียกร้องชาวบ้าน ระวังเจอวิกฤตต้มยำกุ้ง หลังเจอวิกฤตของแพง รายได้ต่ำ แนะ 'ยุบสภา' ให้สภาฯ-นายกฯไปด้วยกัน

เมื่อเวลา 22.50 น. วันที่ 18 ก.พ. 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเรื่องด่วน ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี ตามที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กับคณะ ส.ส. 173 คนเป็นผู้เสนอ

สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวสรุปปิดญัตติอภิปรายทั่วไป ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่า การทำหน้าที่ตามกรอบมาตรา 152 คือเสนอแนะ แต่ ครม.และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แสดงท่าทีผิดหวังเกรี้ยวกราด ขึ้นมาก็ด่าตน ถ้าท่านอยู่ก็ขอให้ฟังด้วย ก็อยากฟังนายกฯ ตอบก่อน กองทุกข์เกิดจาก ครม.ชุดนี้ 3 ปี และชุดเก่าอีก 6 ปี ความทุกข์ตลอด 2 วันไม่เกินความคาดหมาย ถ้าย้อนหลังปัญหาที่เกิดวันนี้ได้เตือนมาเป็นลำดับ บอกเหตุส่งสัญญาณเตือนภัยมาเป็นลำดับ

สุทิน ย้ำว่า กองทุกข์จากปัญหาเศรษฐกิจ กองทุกข์ปัญหาสังคม กองทุกข์ที่สาม คือ การเมือง และกองทุกข์อันเป็นห่วงเหมืองทองอัครา มลพิษ ฝุ่นพิษ ทุกข์ปัญหารัฐบาลคอร์รัปชัน

ทุกข์แรก ปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจ แพงทั้งแผ่นดิน จนทั้งแผ่นดิน จะพังทั้งแผ่นดิน ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกตัว รัฐมนตรี และนายกฯที่ตอบก็แกล้งไม่รู้ อีกทั้งราคาสินค้าพุ่งขึ้นแทบทุกตัว ส่วนรายได้คนในประเทศได้ตกมาตลอดตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามา อีกทั้งรายใหญ่วันนีก็จนเฉียบพลัน แม้นายกฯ บอกยืนยันคนยังอยู่ดีกินดี 3 ปีที่ผ่านมารายได้ต่ำ หนี้เพิ่มขึ้น แต่วันนั้นของยังไม่แพง วันนี้ถึงจุดที่ซ้ำเติม รายได้ต่ำอยู่แล้ว แต่สินค้าพุ่งขึ้นสวนทาง แต่ปีนี้ราคาสินค้าพุ่งขึ้น เป็นภาวะค่าครองชีพสูง แต่รายได้ต่ำ

สุทิน เพื่อไทย อภิปรายทั่วไป ประชุมสภา  40AC9FAC0E2B.jpeg

สุทิน ระบุว่า เศรษฐกิจมหภาค ภาวะการเงินการคลังของประเทศ เกิดหนี้ครัวเรือนพุ่งขึ้น แม้ท่านจะบอกหนี้สาธารณะจะไม่ชนเพดาน ตนเคยบอกว่ารัฐบาลจะขยายเพดานเงินกู้ไม่เกินหนี้สาธารณะ แต่ปัจจุบันก็ขยายเป็น 70% แล้ว เดี๋ยวโรคเก่าต้มยำกุ้งก็จะมาแล้ว หนี้สถาบันการเงินสูงขึ้น หนี้ทุกตัวขึ้นสูง เป็นทุกข์

"ก่อนโควิดมันล้มแล้ว เซแล้ว ผมเคยบอก แม้โควิดออกไป ไทยก็ไม่ฟื้น เพราะปัจจัยพื้นฐานของเรามันล้มก่อนโควิด นายกฯบอกเป็นทั้งโลก แต่ต้องแยกแยะ มองปัญหาผิด วินิจฉัยผิด วินิจฉัยโรคผิด คนไข้ตาย ท่านเปรียบคนทั้งโลก ของเรามีโรคประจำตัวก่อนโควิดมา คือ โควิดต่างคนต่างโดน โดนทั่วโลก พอโดนปั๊บ ของเขาเซ แต่เราโดนปั๊บหัวคะมำ แม้จะโควิดด้วยกันทั่วโลก แต่เขาเบากว่าเรา แต่เราหนักกว่าเขา แม้บอกว่าเงินเฟ้อ ผมกลัววินิจฉัยโรคผิด ภาวะตอนนี้เงินฝืด เพราะยังไม่ฟื้น วันนี้ราคาสินค้าสูงขึ้น รายได้ต่ำ เงินไม่มี เป็นเงินฝืด และราคาเฟ้อ เขาเรียกว่าแย่มากๆ" สุทินระบุ

สุทิน ระบุว่า ปัญหาสังคม เมื่อเศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ก็เกิดปัญหายาเสพติด และอาชญากรรม มีอาชญากรรมทางไฟเบอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ของไทยนั้น นอกจากไม่ช่วยดูแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็มาไอโอตามจับการเมือง แทนที่ส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจดิจิทัล

การเมืองอ่อนแอ พปชร.ยังแตก ปฏิรูปการเมืองล้มเหลว

ส่วนปัญหาการเมืองอ่อนแอ ใช้เงินมาก ลามค่านิยมใหม่ เป็นแนวโน้มใหม่ เลือกตั้งท้องถิ่นเห็นแล้วเศร้า เลือกตั้งซ่อมเห็นแล้วเศร้า วันนี้ท่านดึงกลับไปสู่ประชาธิปไตยแบบเงิน ใช้เงินเป็นใหญ่ แล้วประชาธิปไตยที่ท่านทำ กรรมเลยตกที่ท่าน เพราะท่านเคยบอกว่าการเมืองแตกแยกไม่มีเสถียรภาพ ในที่สุดในพรรคพลังประชารัฐแตก ส่งผลให้ท่านทำงานไม่ได้ ปัญหาที่ว่ามาทั้งหมด เพราะรัฐบาลอ่อนแอ แก้ปัญหาไม่ได้ ประเทศไม่ได้ปฏิรูป เจอโควิดหนัก ราชการก็เดี้ยง ไม่ปฏิรูปการเมืองและข้าราชการ เครื่องมือแก้ปัญหาจึงอ่อน เมื่อสภาล่ม นับองค์ไม่พอ ฝ่ายค้านและรัฐบาลแย่ พวกสันหลังยาว ถ้าท่านปฏิรูปการเมือง จะไม่เกิดเหตุการณ์อย่างวันนี้ เพราะชาวบ้านปวดใจสภาฯ ล่ม

"เรื่องสภาล่มฯ นับองค์ประชุมเป็นวัฒนธรรมระบบรัฐสภาทั่วโลก เสียงข้างน้อยถือว่าเป็นอาวุธในไทยมีทุกยุค ทั้งสภา อบต.และเทศบาล เป็นวัฒนธรรม แม้กฎหมายไม่รองรับ ฝ่ายค้านก็ใช้วิธีนับองค์ พวกผมเป็นรัฐบาลมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมีคนนับองค์ประชุม ไม่ใช่คนอื่นไกล อยู่กันในนี้ เขาก็นับองค์ประชุม แต่เมื่อก่อนไม่เป็นข่าวดัง รัฐบาลยุคนั้นพวกผมก็รับผิดชอบองค์ประชุม ฝ่ายค้านเมื่อนับเมื่อไรก็ครบ เมื่อครบ ฝ่ายค้านก็ไม่นับ ชาวบ้านไม่ปวดใจ" สุทิน ระบุ

สุทิน ระบุว่า ทุกข์จากปัญหาปากท้อง ทุกข์จากปัญหาสังคม ทุกข์การเมืองและทุกข์ทุจริต ส่วนข้อเสนอแนะถ้าเจอหนักๆ ต่อไปนี้คือข้อเสนอแนะรัฐบาล อยากให้ท่านยอมรับความจริงและรับฟังปัญหามากขึ้น

พิธา ก้าวไกล ประชุมสภา 4F20-BED5-B78EFF29F307.jpegสุทิน เพื่อไทย อภิปรายทั่วไป ประชุมสภา -E7980958E0D7.jpeg

จี้ทบทวนตัวเอง ปล่อยคนไทยที่จมกองทุกข์ ยุบสภาฯ เหมือน 'เปรม'

สุทิน ย้ำว่า นายกฯ บอกปี 2565 จะเป็นปีแห่งการแก้หนี้ครัวเรือน เดี๋ยวนี้คิดจะกู้หนี้มาใช้สิน ถ้าจะแก้หนี้จริงๆ ให้ตายก็ไม่พ้น ถ้าไม่เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และขอให้ใช้งบประมาณให้เป็นประโยชน์ งบกลางยังมีทุจริต ซื้อเรือดำน้ำให้เลิก ข้อแนะนำให้แก้ไขทุจริต พอพูดเรื่องนี้ นายกฯ ควันออกหู อย่ามาพูดกับตัวเอง ประหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนขาวสะอาด ตนไม่พูดกับนายกฯ แต่นายกฯ ต้องพูดกับสถาบันจัดความโปร่งใสนานาชาติ บอกว่าการทุจริตของไทยมากขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ปฏิรูปการเมืองก็ขอให้นายกฯ ทบทวนตัวเอง

"ถ้าไม่เอาก็ขอให้ทบทวนตัวเอง ท่านก็ต้องคิดว่าอยู่บนกองทุกข์หรือกองสุข ท่านจะชนะกับใครกับลูกน้องของท่าน เอาคน 65 ล้านชีวิตเสี่ยงโชคกับท่าน ท่านจะไม่ยอมแพ้ก็ช่าง แต่ท่านจะมีใจคอไม่ปลดปล่อยชาวบ้านหรือ น้ำตาก็ท่วมจอแล้ว" สุทิน ระบุ

สุทิน กล่าวว่า "มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง อุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานรัฐสภา ตอนนั้นมี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกฯ ตอนปี 2526 เหตุการณ์แบบเดียวกัน สภาฯ คุมไม่อยู่ สภาไม่ให้การยอมรับรัฐบาล รัฐบาล พล.อ.เปรม เดินไปคุยกับ ท่านอุทัย ท่านประธานบอกให้ยุบสภาฯ พล.อ.เปรมบอก ใช่เหรอ ท่านพูดน้อย และมาถามประธานว่าแนวทางยุบสภา ถูกไหม ประธานอุทัยบอกว่าถูก และมีการยุบสภาฯ ครั้งแรกในปี 2526 ผู้ใหญ่คุยกันเสียสละ ถ้ายุบสภาฯ สภาปิ๋ว นายกฯ ปิ๋วต้องยอมเสียสละ ถึงจะไปได้ ถ้าท่านไม่ออกจะเกิดอะไรขึ้น ท่านจะลาออก หรือยุบสภาก็แล้วแต่ ผมจะขอเอาชีวิตคนไทยออกจากอุ้งมือท่าน"

สุทิน เพื่อไทย อภิปรายทั่วไป ประชุมสภา -0F45-43AE-BB30-E35862487814.jpegสุทิน เพื่อไทย อภิปรายทั่วไป ประชุมสภา  F6-A6D52AD80481.jpeg

"แต่ถ้าท่านไม่ออก สภาพแบบนี้จะเกิดขึ้นต่อไป คนจนตอนนี้พุ่งขึ้น 20 ล้านคนจากบัตรคนจน คนจน 1ใน 3 ของประเทศ แล้ววันนี้ นักวิชาการห่วงมาก คนจนเหล่านี้ หลายคนเป็นคนจนเฉียบพลัน ทรัพย์สินหาย ธุรกิจเจ๊ง จนเฉียบพลัน จากจนเฉียบพลันจะพัฒนาเป็นจนเรื้อรัง คนจนเรื้อรังไม่มีทางฟื้น จนเฉียบพลันสู่จนเรื้อรัง และจนถาวร เพราะวันนี้ท่านใช้วิธีแจกโดยไม่ให้ทำงาน ทำให้เกิดการนอนรอกินรัฐบาล จนเรื้อรังหมดเนื้อหมดตัวไม่คิดจะทำงาน รัฐบาลเลี้ยงไม่ไหว จนถาวร เจ๊ง"

ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า วันนี้กู้หนี้ฉุกเฉินสู่กู้หนี้เรื้อรัง หนี้ถาวรก็ล้มละลายเหมือนหลายประเทศ "ไล่นายกฯ ในสภาฯ ชอบธรรม ดีกว่าไล่ด้วยวิธีอื่น พวกผมใช้ มาตรา 152 ใช้การพูดจาด้วยเหตุด้วยผล สภาฯ คือเงาสะท้อนของประชาชน ประชาชนร้อนที่นี่ก็ต้องเดือด ประชาชนร้องไห้ ที่นี่มาหัวเราะ นะจ๊ะได้ไง ประชาชนหงุดหงิดจะเป็นจะตาย นายกฯต้องเข้าใจ ความงามสภาฯ อยู่ตรงนี้ เกินบ้าง ทะเลาะกันบ้างต้องเข้าใจผู้แทนได้รับแรงกดดัน ชาวบ้านบอกผม เมื่อไรจะไล่นายกฯ ถ้าผมพูดผิด คนสารคามกาหน้าสุทินเลย ไม่ใช่จังหวัดนี้ ไปจังหวัดไหนก็บอก เอานายกฯ ออกให้หน่อย ออก ไม่ออกก็สุดความสามารถแล้ว"

สุทิน ระบุทิ้งท้ายว่า ไปพร้อมกันก็ได้ยุบสภาฯ คำว่ายุบสภาฯ ให้ไปด้วยกัน ไม่ใช่ไล่นายกฯ อย่างเดียว กฎหมายลูกทำทัน สัปดาห์หน้าวาระที่1 ผ่าน มี.ค.ก็แปรญัตติ เม.ย.ก็วาระที่2-3 ไม่ต้องมาน้อยใจว่า พวกตนน้อยใจ