ไม่พบผลการค้นหา
ศบค.คลายล็อกร้านอาหาร-สถานบันเทิง นั่งดื่มแอลกฮอล์ได้ ถึง 23.00 น. พร้อมปรับเปลี่ยนพื้นที่ควบคุม เว้นสมุทรสาครจังหวัดเดียว ยังเป็นพื้นที่ควบคุมเข้มงวด ด้าน 'อนุทิน' ระบุ ต่อ พ.ร.ก. ฉุกเฉินไปอีก 1 หวังให้เจ้าหน้าที่ทำงานสะดวก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 3/2564 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) โดยกล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้หารือถึง การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ พร้อมปรับโซนสีแต่ละจังหวัด เพื่อมีการผ่อนคลายลดระดับ ให้มีพื้นที่อยู่ในสีเขียวมากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่สีแดงเพียงจังหวัดเดียว คือพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร นอกจากนี้ ยังมีมาตรการผ่อนคลาย การแข่งขันกีฬาเจ็ตสกี ซึ่งต่างประเทศมีความไว้วางใจ หลังจากไทยมีความสำเร็จในการจัดการแข่งขันแบดมินตัน

อย่างไรก็ตาม หลายอย่างจะต้องตามมาตามลำดับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นเรื่องเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้กับประเทศ ซึ่งหลังจากนี้ต้องยึดมาตรการ ศบค.เป็นหลัก ขณะเดียวกันที่ประชุมมีการต่อขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค. โดยจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (23 ก.พ.)


ปรับโซนสีแต่ละจังหวัด

สำหรับผลการประชุม ศบค.มีมติปรับเปลี่ยนเขตพื้นที่สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จากเดิม พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดง) จากเดิมมี 4 จังหวัด ตอนนี้ลดเหลือ 1 จังหวัด คือ จังหวัดสมุทรสาคร มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโดยอนุญาตให้ทานอาหารภายในร้านได้ไม่เกิน 21.00 น. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยังไม่อนุญาตให้เปิดสถานบันเทิง รวมถึงฟิตเนสและสถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง และให้เรียนออนไลน์เท่านั้น

พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จาก 20 จังหวัด เหลือ 8 จังหวัด ได้แก่กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี ตาก และราชบุรี มีการผ่อนคลายมาตรการโดยอนุญาตให้ทานอาหารที่ร้านได้ถึงเวลา 23.00 น. รวมถึงให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ อนุญาตให้เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ บริการได้ถึง 23.00 น. ขณะที่ห้างสรรพสินค้า ฟิตเนสและสถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้งเปิดบริการได้ตามปกติ แต่ต้องจำกัดจำนวนคนสามารถเรียนแบบออนไลน์หรือแบบผสมผสานได้

พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จาก 17 จังหวัด เหลือ 14 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง เพชรบุรี ระนอง ชุมพร สงขลา ยะลา และนราธิวาส มีการผ่อนคลายมาตรการโดยร้านอาหารเปิดให้บริการได้ถึง 24.00 น. รวมถึงให้ทานเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ อนุญาตให้เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ บริการได้ถึง 24.00 น. ห้างสรรพสินค้า ฟิตเนสและสถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้งเปิดบริการได้ตามปกติ แต่ต้องจำกัดจำนวนคน สามารถเรียนแบบออนไลน์หรือแบบผสมผสานได้ ส่วน

พื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) จาก 35 จังหวัด เพิ่มเป็น 54 จังหวัด มีการผ่อนคลายมาตรการโดยสามารถนั่งรับประทานอาหารในร้านได้ตามปกติ เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ได้ตามปกติ ห้างสรรพสินค้าเปิดบริการได้ตามปกติแต่ต้องจำกัดจำนวนคน ทั้งนี้ มติดังกล่าวยังต้องรอให้แต่ละจังหวัดพิจารณาประกาศใช้ตามความเหมาะสมอีกครั้ง


ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หวังให้ จนท.ทำงานสะดวก

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานการประชุมเตรียมการรับวัคซีน ป้องกันโควิด-19 กล่าวว่า วัคซีนจะเข้ามาวันที่ 24 ก.พ. จำนวน 2 แสนโดส ซึ่งจะฉีดให้กับประชาชน 1 แสนคน ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการกระจายและฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มบุคคลใดนั้น นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ในส่วนของตนที่ทำหน้าที่จัดหาวัคซีนและทำสัญญาซื้อขายถือว่าหมดหน้าที่ ทั้งนี้มองว่าขั้นตอนต่อจากนี้เป็นเรื่องเทคนิคไม่อยากให้มีเรื่องการเมืองไปยุ่งเกี่ยว

ส่วนผลกระทบที่จะเกิดจากการฉีดวัคซีนล็อตแรก นายอนุทิน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้เตรียมการไว้แล้วโดยขั้นตอนจะต้องสังเกตุอาการ 30 นาที อยู่ในความดูแลของแพทย์ หากเกิดผลกระทบ แพทย์จะทำการรักษาได้ทันท่วงที ยืนยันว่าอยู่ในมือแพทย์ปลอดภัยแน่นอน 

ส่วน มติของ ศบค. ที่เปิดให้ดื่มแอลกฮอล์ในร้านอาหาร สถานบันเทิงได้ถึง 23.00 น. แสดงว่ามั่นใจสามารถควบคุมการระบาดได้ อนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลมั่นใจในความรับผิดชอบของคนไทยที่จะร่วมมือกันเหมือนช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญที่ดีที่สุด แต่ตนก็ห่วงเรื่องการดื่มกินที่จะต้องเปิดหน้ากากอนามัย

อนุทิน ย้ำว่าการต่อ พ.ร.ก. ฉุกเฉินไปอีก 1 เดือนถึงวันที่ 31 มี.ค. เป็นเพราะเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องมีเครื่องมือให้พร้อมหากเกิดกรณีฉุกเฉินจะได้ปฎิบัติงานได้อย่างทันถ่วงที และจะได้ไม่เสียใจภายหลังหากไม่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดได้ พร้อมกับย้ำว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ได้ริดรอนสิทธิ์กับการชุมนุม แม้ส่วนตัวจะไม่อยากเห็นการรวมกลุ่มชุมนุมก็ตาม เพราะจะเป็นต้นต่อการแพร่ระบาดของโควิด แต่ที่ผ่านก็มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การชุมนุมก็มีอยู่เราก็ห้ามไม่ได้