ไม่พบผลการค้นหา
ศาลพัทยานัด 'ไวพจน์ - สำเริง - วรชัย' ฟังคำพิพาษาครั้งที่ 2 คดีล้มประชุมอาเซียนเมื่อปี 52 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีคำพิพากษาจำคุกจำเลย 12 คน โดยจำเลย 3 คนปรับคำให้การรับสารภาพ ศาลฎีกานัดฟังคำสั่งก่อนมีคำพิพากษาในวันที่ 3 ธ.ค.

เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่ศาลจังหวัดพัทยา ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาครั้งที่ 2 ในคดีที่จำเลยไม่ได้รับหมายเรียกมาฟังคำพิพากษาครั้งแรก 3 คน ประกอบด้วย พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ นายสำเริง ประจำเรือ และนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในคดีที่ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา เป็นโจทก์ บริษัท โรแยลคลีฟ บีช โฮเต็ล จำกัด เป็นโจทก์ร่วมฟ้องในความผิดความมั่นคงของรัฐ ก่อการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ทำให้เสียทรัพย์บุกรุก ความผิดต่อ พ.ร.บ.จราจรทางบก ซึ่งเป็นความผิดที่เกิดจากการบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 9-12 เม.ย. ปี 2552 จัดขึ้นที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 

โดยคดีนี้ ศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลย 12 คน โดยสั่งจำคุก 4 ปีไม่รอลงอาญา ซึ่งก่อนหน้านี้ มีจำเลย 5 คนมาฟังคำพิพากษาและถูกนำตัวเข้าเรือนจำพิเศษแล้ว 5 คน ประกอบด้วย นายศักดา นพสิทธิ์ นายสิงห์ทอง บัวชุม นายพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง นายพายัพ ปั้นเกตุ และนายนพพร นามเชียงใต้ ขณะที่นายสมญศฆ์ พรมภา ศาลฎีกาได้พิพากษายกฟ้อง

โดยวันนี้ (31 ต.ค.) พ.ต.ท.ไวพจน์ นายวรชัย และนายสำเริง 3 จำเลยเดินทางมาศาล ขณะที่จำเลยอีก 4 คนที่ยังไม่มาฟังคำพิพากษาทำให้ศาลออกหมายจับ คือ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายธนกฤต หรือวันชนะ ชะเอมน้อย หรือเกิดดี นพ.วัลลภ ยังตรง และนายนิสิต สินธุไพร

จตุพร พรหมพันธุ์ วรชัย พัทยา ล้มอาเซียน 062812229009408_n.jpgจตุพร วรชัย เสื้อแดง 69128498888704_n.jpg

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ที่เดินทางมาให้กำลังนายวรชัย ระบุว่า ทนายความและจำเลยได้ยื่นคำร้อง และศาลฎีกากำลังรอพิจารณาวินิจฉัยทำให้นัดมารอฟังคำสั่งกันใหม่ในวันที่ 3 ธ.ค. เวลา 10.00 น. ดังนั้นข่าวที่ปรากฎไปทั่วไปพิพากษาจำคุก 4 ปียังไม่เกิดขึ้นเฉพาะจำเลยทั้ง 3 คนที่ยังไม่ได้รับในครั้งแรก

เช่นเดียวกับ นายวรชัย เหมะ ระบุกับ 'วอยซ์ ออนไลน์'ว่า ตนและจำเลยที่เดินทางมาศาลวันนี้ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งกรณีที่จำเลย 3 คนได้ปรับคำให้การเป็นรับสารภาพและยอมรับผิดแล้ว ซึ่งจำเลยทั้ง 3 คนในวันนี้ยังไม่ได้ถูกศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาให้จำคุกแต่อย่างใด เพราะก่อนหน้านี้จำเลยทั้ง 3 คนยังไม่ได้รับหมายเรียกให้ไปฟังคำพิพากษา ดังนั้น ตนจึงยังไม่ได้รับโทษและต้องรอให้ศาลฎีกามีคำสั่งในคำร้องที่ยื่นในวันนี้ก่อน ซึ่งศาลก็นัดให้มาฟังคำสั่งในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง