ไม่พบผลการค้นหา
ปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มอัดลม หรือในน้ำผลไม้สด เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคระบบหลอดเลือดหัวใจ ไม่ควรดื่มมากเกินไป

เครื่องดื่มที่มีรสชาติหวานโดยมากแทบไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ เต็มไปด้วยพลังงาน หรือแคลอรี่ และส่งผลเสียต่อสุขภาพ งานศึกษาชิ้นล่าสุดพบว่า การดื่มเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวานหรือแม้กระทั่งน้ำผลไม้สดร้อยเปอร์เซ็นต์ก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ถึงประมาณร้อยละ 9 - 42 

งานวิจัยพบว่า น้ำตาลที่อยู่ในน้ำส้มมีปริมาณใกล้เคียงกับปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มอัดลมหรือเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวานอื่นๆ 

"เครื่องดื่มที่มีรสชาติหวาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลมหรือน้ำผลไม้ ควรรับประทานอย่างพอดี" ยีนส์ เอ เวลส์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ คณะกุมารเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอมอรี่ กล่าว

ความเชื่อมโยงกับ 'โรคหลอดเลือดหัวใจ'

งานศึกษาชิ้นนี้ให้คำจำกัดความ 'เครื่องดื่มที่มีรสชาติหวาน' ซึ่งหมายถึงเครื่องดื่มที่มีการใส่น้ำตาลดับกระหาย ซึ่งรวมเครื่องดื่มอัดลม น้ำผลไม้สกัด และน้ำผลไม้แท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ไม่ได้ใส่น้ำตาลเพิ่ม เข้าไว้ด้วยกัน

เวลส์ กล่าวว่า ในงานศึกษาก่อนหน้ามีการบ่งชี้ความสัมพันธ์ของการดื่มเครื่องดื่มดังกล่าวกับการเกิดโรคระบบหลอดเลือดหัวใจ ไม่ว่าจะเป็น โรคอ้วน และการมีไตรกลีเซอไรด์ซึ่งคือเซลล์ไขมันในเลือดมากเกินไป 

อ้างอิงจากงานศึกษาก่อนหน้า เวลส์และทีมวิเคราะห์ข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างวัยผู้ใหญ่อายุ 45 ปีขึ้นไป จำนวน 13,440 คน แบ่งเป็นผู้ชายประมาณร้อยละ 60 และร้อยละ 71 จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดมีภาวะน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคเบาหวาน

การดื่มเครื่องดื่มรสชาติหวานปริมาณร้อยละ 10 หรือมากกว่าของแคลอรี่ต่อวันจะเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคหัวใจตีบตันที่ร้อยละ 44 และมีโอกาสเสียชีวิตไวกว่าคนที่ดื่มเครื่องดื่มรสชาติหวานในปริมาณร้อยละ 5 หรือน้อยกว่าของแคลอรี่ต่อวัน ถึงร้อยละ 14 

ปริมาณน้ำผลไม้ 340 กรัมที่เพิ่มขึ้นต่อวัน ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตไวขึ้นถึงร้อยละ 24 ขณะที่ปริมาณเครื่องดื่มให้ความหวานอื่นๆเพิ่มขึ้นต่อวัน ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตไวขึ้นเพียงร้อยละ 11 โดยงานวิจัยไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการดิ่มเครื่องดื่มให้ความหวานอื่นๆกับการเสียชีวิตจากโรคหัวใจตีบตัน

สถาบันกุมารเวชและโภชนาการอเมริกัน แนะนำปริมาณการดื่มเครื่องดื่มให้ความหวานสำหรับเด็กอายุ 1 - 6 ปี จำกัดอยู่ที่ 170 กรัม/วัน ขณะที่เด็กอายุ 7 ปีขึ้นไปและผู้ใหญ่ อยู่ที่ราว 230 กรัม/วัน

อ้างอิง; CNN, DailyMail