ไม่พบผลการค้นหา
'ปิยบุตร' ลั่นหากมีรัฐประหาร ตนและธนาธร พร้อมออกไปต่อต้านแน่นอน เผยขับเคลื่อนเลือกตั้งท้องถิ่นแก้รัฐธรรมนูญ แม้สิ้นสุดการเป็นที่ปรึกษา กมธ.วิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวถึงการทำหน้าที่ครั้งสุดท้ายในการเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ว่า ตนได้เขียนความคิดเห็นส่วนตัวโดยสังเขปเอาไว้ประมาณ 25 หน้าบางประเด็นตรงกับกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่บางประเด็นก็เห็นต่างกับกรรมาธิการส่วนใหญ่ เช่น เรื่องหมวด 1 หมวด 2 ที่สามารถแก้ไขได้เพราะในบางกรณีในอดีตที่ผ่านมาก็ได้มีการแก้ไขแล้ว หากมีการจำเป็นก็ต้องสามารถแก้ได้

รวมถึงการสนับสนุนให้ประเทศไทยมีสภาเดียว, การลบล้างผลพวงรัฐประหาร, การแก้ไขที่มาขององค์กรอิสระและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ, เรื่องของการตรวจสอบถ่วงดุลขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ, การแก้ไขระบบกระบวนการนิติบัญญัติที่จะเพิ่มอำนาจให้กับสภามากขึ้น, การสร้างหน่วยงานใหม่ๆ เช่น ผู้ตรวจการกองทัพ เป็นต้น

ทั้งนี้ ถ้าหากมีโอกาสในวันนี้จะขออนุญาตขึ้นอภิปรายในสภาด้วย 

สำหรับการการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรานั้น ตนมองว่าสามารถทำไปได้ทั้ง 2 แบบพร้อมๆ กัน แต่กว่าจะมีการทำประชามติ กว่าจะเลือกตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จนได้รัฐธรรมนูญใหม่ที่สมบูรณ์ อาจจะทำให้รัฐบาลชุดนี้อยู่ครบ 4 ปี ดังนั้นระหว่างทางก่อนที่จะถึงวันนั้นก็สามารถแก้ไขรายมาตราได้โดยเฉพาะมาตราที่แก้ไขที่เป็นปัญหา เช่น มาตรา 279 ที่รับรองความชอบธรรมของประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.), การเลิกอำนาจของสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ระบบการเลือกตั้งระบบพรรคการเมือง และปรับปรุงแก้ไขเรื่องการได้มาขององค์กรอิสระด้วย 

ปิยบุตร ยังกล่าวถึง ข้อเสนอของกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ที่จะสามารถนำมาปรับในการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ ว่า ตนมองว่าสภาเป็นตัวแทนของประชาชนและปฏิเสธไม่ได้ว่านักเรียน นิสิต นักศึกษาประชาชนจำนวนมากที่ชุมนุมกันทั่วประเทศ มีประเด็นเรื่องการปฏิรูปการศึกษาจำนวนมาก โดยเมื่อนอกสภาพูดแล้วในสภาในฐานะผู้แทนประชาชนเป็นสิทธิและหน้าที่ที่จะต้องพูด ทั้งหมดไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองใดๆ ยังอยู่ในระบบการปกครองประชาธิปไตยตามกรอบกฎหมายในรัฐธรรมนูญ 

ส่วนข้อครหาเรื่องของการที่ตนอยู่เบื้องหลังชุมนุมนักศึกษานั้น ตนยืนยันมาตลอดว่าตนสนับสนุนการชุมนุม แต่การที่บอกว่าตนไปบริหารจัดการผู้ชุมนุมเป็นการดูหมิ่นดูแคลนกลุ่มนักศึกษา ที่มีสิทธิในการขับเคลื่อนการชุมนุมซึ่งมีบางเรื่องที่ตนเห็นด้วยและตนเห็นต่าง แต่สุดท้ายการชุมนุมก็เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่อยากเห็นประเทศไทยเปลี่ยนไปในหลายเรื่องและขอให้มองเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติขออย่าปิดกั้นการแสดงออกของใคร อยากให้ทุกคนมองว่าเป็นความสวยงามในระบอบประชาธิปไตย ตนขอให้กำลังใจและอยากให้พยายามมองว่านิสิตนักศึกษาเป็นตัวของตัวเองมีความรู้ มีเสรีภาพ มีสิทธิในการที่จะแสดงออก อย่าไปคิดว่าจะมีใครอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง เพราะนักศึกษามีวิจารณญาณของตนเอง 

สำหรับเรื่องมือที่สามของการชุมนุมนั้น ตนอยากให้มองว่าเมื่อมีมือที่สามแทนที่จะชี้นิ้วกล่าวโทษไปที่กลุ่มผู้ชุมนุม ต้องชี้นิ้วกล่าวโทษไปที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเพราะการชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพเจ้าหน้าที่ของรัฐจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความรุนแรง เพราะการแสดงออกเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชน ขออย่าสร้างสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลาย

เตรียมขับเคลื่อนกับ 'คณะก้าวหน้า' ต่อ ทั้งเลือกตั้งท้องถิ่น-แก้รธน.

นอกจากนี้ ปิยบุตร ยังกล่าวถึงบทบาทหลังจากนี้ ว่า ตนเองจะอยู่ด้านนอกสภาจะขับเคลื่อนกับคณะก้าวหน้าต่อไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นและเน้นเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะว่าในท้ายที่สุด การทำให้ในสภาหันมาสนใจเรื่องแก้รัฐธรรมนูญอย่างจริงจังก็ต่อเมื่อนอกสภากดดัน

ส่วนเรื่องกระแสข่าวการทำรัฐประหารนั้น ตนมองว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่สอดคล้องกับวิถีประชาธิปไตยแล้วยังเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ถูกต้อง ถ้าหากวันนี้จะหาทางออกให้กับการเมืองด้วยการรัฐประหารอีกรอบก็เป็นการผิดซ้ำซาก อยากให้มองบทเรียนที่ผ่านมาว่า รัฐธรรมนูญจะปรับให้เป็นประชาธิปไตยได้ต้องเสียเลือดเนื้อมากน้อยแค่ไหนในเมื่อบทเรียนมีอยู่แล้วจะต้องเสียเลือดเนื้อทำไม และในวันนี้สมาชิกวุฒิสภาหลายคนก็ส่งสัญญาณมาแล้วว่าต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และให้ความสำคัญเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนถ้ามีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตนและธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ยืนยันว่าจะออกไปต่อต้านการรัฐประหารครั้งนี้อย่างแน่นอน