ไม่พบผลการค้นหา
'ทรงกลด' ปัด 10 พรรคจิ๋วเสียงแตก คาด 'มงคลกิตติ์' น้อยใจไร้เก้าอี้ แนะรอนายกฯ ประชุม ครม.สัปดาห์หน้า ได้ความชัดเจน เล็งหารือ 'ธรรมนัส' หย่าศึก รบ.เสียงปริ่มน้ำระส่ำ หาก 5 ส.ส.ถอนตัว จะเหลือแค่ 249 เสียง

พล.ต.ทรงกลด ทิพยรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังชาติไทย กล่าวถึง กรณีที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ระบุ 5 ส.ส.พรรคเล็กพร้อมเป็นฝ่ายค้านอิสระ ถอนตัวจากรัฐบาล เพราะอึดอัด ว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของบางท่าน แต่ไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ไม่ลงตัว ส่วนตนเป็นคนรักษาสัญญาจะอยู่กับรัฐบาลต่อไป เชื่อว่านโยบายของพรรคจะปฏิบัติได้ต้องเป็นรัฐบาล 

ส่วนสาเหตุการถอนตัว มาจากความน้อยใจที่ไม่ได้รับตำแหน่งหรือไม่นั้น ตนคิดว่าเป็นไปได้ แต่คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เชื่อว่า นายกฯ กำลังเตรียมพิจารณาอยู่ การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้าคงจะมีความชัดเจนขึ้น เช่นเดียวกับตำแหน่งกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญของสภาผู้แทนราษฎรก็ต้องรอการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ก่อน 

ยืนยันว่า 10 พรรคเล็กเสียงไม่ได้แตก ที่ผ่านมาตกลงกันว่า หากเรื่องใดเป็นเรื่องสำคัญระดับประเทศจะใช้การพูดคุยและลงมติกัน ตอนนี้ กำลังคุยกันอยู่ และตนจะไปหารือกับนายมงคลกิตติ์ก่อน จึงจะไปขอคำปรึกษาจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งตอนแรกจะคุยตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่เกรงใจท่านที่มีภารกิจหน้าที่จากการเป็นรัฐมนตรี 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา นายมงคลกิตติ์ ระบุว่า ส.ส. 5 พรรคจิ๋วคือ พรรคไทยศรีวิไลย์ ประชาธรรมไทย ประชาธิปไตยใหม่ พลังไทยรักไทย และครูไทยเพื่อประชาชน เตรียมพร้อมเป็นฝ่ายค้านอิสระ เพราะอึดอัดในการร่วมรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรก ที่ผ่านมาเคยตั้งโต๊ะอถลงข่าวขู่ถอนตัวร่วมรัฐบาลแล้ว แต่ร.อ.ธรรมนัสเข้ามาเจรจาจึงยุติไป 

ทั้งนี้หาก 5 พรรคจิ๋ว มีการถอนตัวจากรัฐบาลจริง จะทำให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ที่เสียงปริ่มน้ำ จำนวน 254 เสียง จะกลายเป็นเสียงข้างน้อยเหลือเพียง 249 เสียงทันที


อนุสรณ์ ชี้ 5 พรรคเล็กถอนตัว สะท้อนปฏิรูปการเมืองไม่มีจริง

ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี 5 พรรคเล็กอึดอัดขอถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ไปทำหน้าที่ฝ่ายค้านอิสระ ว่า หาก 5 พรรคเล็กถอนตัวจริง จะส่งผลให้เสียงรัฐบาลน้อยกว่าเสียงฝ่ายค้าน ที่ผ่านมาประชาชนได้ยินเสียงขู่จากพรรคร่วมรัฐบาลมาโดยตลอด

แม้แต่ในพรรคแกนนำหลักอย่างพรรคพลังประชารัฐ ก็เคยขู่แฉกันเองภายในพรรครายวันมาแล้ว นำมาซึ่งการแก้ไขการจัดสรรอำนาจและผลประโยชน์ใหม่ พอลงตัวความขัดแย้งก็หายไปและจะกลับมาใหม่เมื่อมีการขัดกันแห่งผลประโยชน์ นี่คือหลักฐานและสิ่งบ่งชี้สำคัญว่าการปฏิรูปการเมืองไม่มีอยู่จริง ปฏิรูปจนมีพรรคร่วมรัฐบาล 19 พรรค และรวมกันเฉพาะกิจ ผลประโยชน์ลงตัวเสียงขู่ก็ลด พอไม่ลงตัวก็ตั้งโต๊ะขู่ถอนตัว

การจะไปทำหน้าที่ฝ่ายค้านอิสระ หมายถึงฝ่ายค้านที่ไม่ร่วมกับฝ่ายค้านในสภา เพื่อรอเจรจาต่อรองกันจบ แล้วจะได้เข้าไปร่วมรัฐบาลใหม่หรือไม่ ที่ขู่แบบนี้เพราะทุกพรรคทราบดีว่า รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองสูงมาก ใครจะเจ็บป่วยหรือลุกเข้าห้องน้ำ ในเวลาลงมติกฎหมายสำคัญๆ แทบจะทำไม่ได้ ทุกคนต้องเฝ้าระวังเพราะโอกาสพลาดสูงมาก

"5 ปี ที่ผ่านมา ประชาชนยากจนลงมาก ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ค่าครองชีพสูง เงินบาทแข็ง ส่งออกพัง การประมงเกิดปัญหา ท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ คนชั้นกลางเงินเดือนไม่ขึ้น โบนัสไม่มี หนี้ครัวเรือนพุ่ง รอรัฐบาลเข้าไปแก้ และคงไม่เป็นธรรมหากประชาชนต้องรอให้รัฐบาลแก้ปัญหาตัวเองก่อน ซึ่งมีแนวโน้มว่าปัญหาของรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ มีมากจนปัญหาของประชาชนถูกมองข้ามหรือไม่" นายอนุสรณ์ กล่าว