รายงานพิเศษจาก 'เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล' ชี้ว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว อาทิ สหภาพยุโรป (อียู), แคนาดา หรือสหรัฐอเมริกา ลงนามสั่งซื้อวัคซีนต้านโควิด-19 กับผู้ผลิตชั้นนำทั่วโลก เพื่อให้มีเพียงพอกับประชากรของประเทศตนเองไปอย่างน้อยอีก 2-3 ปี ต่อจากนี้ 

สำหรับความตกลงล่าสุดที่ ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค ครอบครองอยู่ในมือ คือตัวเลขวัคซีน 125 ล้านโดส กับแคนาดา ซึ่งจะมีการส่งมอบกันภายในปี 2566 และอีก 1,800 ล้านโดส กับสหภาพยุโรป 

ภายใต้ประชากรรวม 450 ล้านคนของอียูนั้น แผนการสั่งวัคซีนกับไฟเซอร์แบ่งเป็น 600 ล้านโดสเพื่อการส่งมอบภายในปี 2564, อีก 900 ล้านโดสที่เริ่มต้นส่งมอบได้ต่อ ณ ธ.ค.นี้ ทั้งยังมีตัวเลือกในคลังเก็บสินค้าอีก 900 ล้านโดส หากถึงคราวที่อียูจำเป็นต้องใช้ขึ้นมาในอนาคต 

ด้วยแผนดังกล่าวบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลเบิร์นสไตน์ (Bernstein) ระบุว่า พลเมืองของชาติในยุโรป สามารถฉีดวัคซีนไฟเซอร์ได้ถึงคนละ 4 โดส 

ฝั่งออสเตรเลีย, สวิตเซอร์แลนด์ และอิสราเอล เลือกหันไปหาวัคซีนที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองอย่างโมเดอร์นา โดยหลังจากยุติแผนการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไปแล้วนั้น ออสเตรเลียยังคงมีทางเลือกวัคซีนอื่น เนื่องจากก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้สั่งซื้อวัคซีนกับโมเดอร์นาที่จะมีการส่งมอบภายในปีนี้ถึง 40 ล้านโดส 

mRNA โดดเด่น ได้รับการยอมรับ 

คำสั่งซื้อของประเทศพัฒนาแล้ว รวมถึงคำสั่งยุติการใช้วัคซีนบางตัวสะท้อนชัดว่า วัคซีนที่ผลิตโดยเทคโนโลยี mRNA ซึ่งเป็นสารพันธุกรรมของมนุษย์นั้นเป็นที่ยอมรับมากกว่าเมื่อเทียบกับวัคซีนที่ผลิตด้วยเชื้อไวรัสที่ตายแล้ว อย่าง ซิโนแวค หรือ ซิโนฟาร์ม รวมไปถึง วัคซีนที่ผลิตจากเวกเตอร์ไวรัส ซึ่งเป็นการนำเชื้อไวรัสที่อ่อนแอมาตัดต่อพันธุกรรม อย่างวัคซีนของแอสต้ราเซนเนก้า หรือ สปุตนิก

ไฟเซอร์ออกมาประกาศว่า บริษัทตั้งเป้าจะผลิตวัคซีนถึง 3,000 ล้านโดสภายในปีนี้ และเพิ่มระดับขึ้นไปเป็น 4,000 ล้านโดสในปี 2565 ขณะที่โมเดอร์นา ตั้งเป้าในการผลิตวัคซีนด้วยตัวเลขเดียวกับไฟเซอร์ในปีนี้ 

เบิร์นไสตน์คาดการณ์ตัวเลขซื้อขายวัคซีนของทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นามีราคาแตกต่างกันไม่มาก โดยไฟเซอร์อาจตั้งราคาขายราว 18-19.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ/โดส (ประมาณ 560-600 บาท)กับผู้ซื้อที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ขณะที่ปรับราคาลงมาเหลือ 7.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ/โดส (ประมาณ 230 บาท) กับผู้ซื้อที่เป็นประเทศกำลังพัฒนา

ในทำนองเดียวกัน โมเดอร์นาอาจตั้งราคาขายวัคซีนต่อโดสที่ 17-20 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 530-620 บาท) กับประเทศพัฒนาแล้ว และลดราคาลงมาเหลือ 8 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับประเทศกำลังพัฒนา 

วิจัยจากเบิร์นสไตน์ยังคาดการณ์ว่า ภายในสิ้นปีหน้า ไฟเซอร์จะมีมูลค่ายอดสั่งซื้อวัคซีนรวมทั้งสิ้น 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท) ขณะที่โมเดอร์นาอยู่ที่ตัวเลขมากกว่า 27,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ​ (ประมาณ 840,000 ล้านบาท) ซึ่งให้ทั้งสองบริษัทขึ้นแท่นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตยาที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล 

ก่อนหน้านี้ AbbVie บริษัทชีวเวชภัณฑ์สัญชาติอเมริกัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตยา อะดาลิมูแมบ (Adalimumab) และจัดจำหน่ายภายใต้ชื่อ Humira ซึ่งมีฤทธิ์ลดอาการอักเสบและลดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันและนิยมใช้กับโรคข้อรุมาตอยด์ เคยทำตัวเลขการขายยาชนิดนี้ไว้ได้เกือบ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 620,000 ล้านบาท) ในปี 2561