ไม่พบผลการค้นหา
ถ้อยคำรณรงค์ "เมาไม่ขับ กลับแท็กซี่" ที่ภาครัฐใช้รณรงค์เพื่อหวังลดอุบัติเหตุ บางครั้งตัวผู้โดยสารเองก็ใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป

จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2561 ที่คนขับแท็กซี่พา น.ส.อินทุอร ดีบุกคำ หรือ "แอล" นักร้องประจำวง "คิง ก่อนบ่าย ก็อปปี้วาไรตี้โชว์" เข้าโรงแรมม่านรูด แล้วพยายามข่มขืน โดยคนขับแท็กซี่อ้างว่าผู้โดยสารเมาและบอกให้พาเข้าโรงแรม

ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.พหลโยธิน ได้สืบสวนติดตามตัวคนขับรถแท็กซี่คันก่อเหตุทราบชื่อนาย อดิเรก เลิศลภ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 560/2561 ลงวันที่ 24 มี.ค. ข้อหากระทำการอนาจายแก่บุคคลอายุเกินกว่าสิบห้าปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และในเบื้องต้นผู้ต้องการให้การภาคเสธ ว่าไม่ได้พยายามข่มขืนผู้เสียหาย แต่ยอมรับว่าในคืนเกิดเหตุรับผู้เสียหายมาจากร้านอาหารย่านราชพฤกษ์ไปย่านห้วยขวาง เมื่อใกล้ถึงที่หมายพยายามถามว่าจะให้ส่งที่ไหนแต่ผู้เสียหายหลับไม่ได้สติ จึงเลี้ยวรถเข้าโรงแรมเพื่อให้ผู้เสียหายได้พักเท่านั้น 

อย่างไรก็ตาม คำให้การของนายอดิเรกขัดกับหลักฐานกล้องที่ติดตั้งในแท็กซี่ซึ่งจับภาพช่วงเกิดเหตุ จะเห็นว่าผู้เสียหายหลับไม่รู้ตัว จึงเป็นไปไม่ได้ว่าจะบอกให้คนขับรถพาเข้าโรงแรม

ทำให้โลกออนไลน์ตั้งคำถามจนเกิดเป็นกระแสขึ้นมาว่าแล้วทีนี้คนเมาจะกลับบ้านอย่างไร ในเมื่อภาครัฐต่างรณรงค์อยู่เสมอว่า "เมาไม่ขับ กลับแท็กซี่" แต่กลับกลายเป็นแท็กซี่เองที่ประพฤติตัวไม่ดีต่อผู้โดยสาร แบบนี้ผู้โดยสารจะรู้สึกปลอดภัยได้อีกต่อไปหรือไม่?

และจากการสอบถามประชาชนที่ใช้บริการแท็กซี่ทั้งหญิง - ชายพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เวลาต้องนั่งแท็กซี่คนเดียว ส่วนใหญ่จะถ่ายรูปแผ่นป้ายทะเบียนที่ติดอยู่ในรถแล้วส่งให้กับคนใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือเพื่อนสนิท เพื่อแจ้งให้ทราบว่ากำลังนั่งอยู่บนรถคันไหน และก่อนเรียกใช้บริการจะสังเกตสภาพรถและดูลักษณะของคนขับก่อนว่าน่าไว้วางใจมากแค่ไหนจึงจะตัดสินใจขึ้นนั่ง

นอกจากนี้พวกเขายังบอกอีกว่า อยากให้ขนส่งขึ้นทะเบียนคนขับแท็กซี่ เพื่อที่เวลาเกิดเหตุจะได้สามารถติดตามตัวผู้กระทำผิดมาได้ทันที และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายกับผู้โดยสารได้อีก

ด้านผู้ที่ประกอบอาชีพขับแท็กซี่มากว่า 20 ปี ทั้ง 2 ท่าน เล่าให้ทีมวอยซ์ ออนไลน์ ฟังว่า ตลอดอาชีพแท็กซี่เคยเจอผู้โดยสารเมาเป็นประจำโดยเฉพาะเวลาที่ต้องขับรถกะกลางคืน วิธีแก้ไขที่แท็กซี่คนอื่นๆ สามารถนำไปใช้ได้คือ ขับรถพาผู้โดยสารไปสถานีตำรวจ ให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ หรือขับไปยังแหล่งชุมชนที่มีอยู่จำนวนมาก ป้องกันตนเองและผู้โดยสารไปด้วยในตัว พร้อมแนะนำด้วยว่า ถ้ารักที่จะขับแท็กซี่เป็นอาชีพต้องซื่อสัตย์ต่องานการ คิดว่าผู้โดยสารเป็นเหมือนญาติพี่น้องดูแลให้ถึงจุดหมายปลายทาง