ไม่พบผลการค้นหา
สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจประชาชนมองว่ากลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เป็นสิทธิที่สามารถชุมนุมได้ แต่ต้องอยู่ในขอบเขต ไม่สร้างความเดือดร้อนวุ่นวาย

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง การประท้วงของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ซึ่งเป็นกลุ่มที่เรียกร้องให้รับบาลเร่งรัดการเลือกตั้งภายในปีนี้ (61) และจะมีการจัดชุมนุมใหญ่ขึ้นอีกครั้งในวันที่ 22 พ.ค. 2561 ซึ่งสร้างความกังวลให้กับหลายฝ่าย โดยเมื่อถามว่าประชาชนคิดอย่างไร กรณีการประท้วงของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง พบว่า อันดับ 1 ประชาชน 49.43 เปอร์เซนต์ ระบุว่าการประท้วงเป็นสิทธิสามารถทำได้ ต้องอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม อันดับ 2 ประชาชน 24.33 เปอร์เซนต์ เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว อันดับ 3 ประชาชน 22.43 เปอร์เซนต์ ระบุว่าต้องไม่สร้างความวุ่นวาย ความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น

และจากข้อเรียกร้องที่อยากให้มีการเลือกตั้งปีนี้ (61) ประชาชนคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ อันดับ 1 ระบุเป็นไปไม่ได้ เพราะนายกฯ ประกาศว่าจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า (62) ยังมีการแก้ไขกฎหมายอยู่ ยังไม่ได้ปลดล็อกพรรคการเมือง อาจเตรียมการเลือกตั้งไม่ทัน อันดับ 2 ระบุไม่แน่ใจ เพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ต้องรอดูผลการเจรจา ยังไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร อันดับ 3 ระบุเป็นไปได้ เพราะมีการประท้วงเป็นระยะ สร้างความกดดันต่อรัฐบาล ประชาชนอยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว นายกฯ เคยประกาศว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 61

ส่วนประชาชนคิดว่าการประท้วงครั้งนี้เป็นสิทธิที่สามารถทำได้หรือไม่นั้น อันดับ 1 ประชาชน 70.85 เปอร์เซนต์ ตอบว่าทำได้ เพราะทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ เป็นสิทธิที่จะออกมาเรียกร้อง เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ต้องไม่สร้างความเดือดร้อนวุ่นวาย อันดับ 2 ประชาชน 22.27 เปอร์เซนต์ ตอบว่าไม่แน่ใจ เพราะควรคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา ยังไม่รู้จุดประสงค์ที่ชัดเจนของกลุ่มที่เคลื่อนไหว อาจสร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมือง อันดับ 3 ประชาชน 6.88 เปอร์เซนต์ ตอบว่าไม่ได้ เพราะบ้านเมืองยังอยู่ภายใต้การทำรัฐประหาร มี คสช. ควบคุม มีกฎหมายห้ามชุมนุมประท้วงอยู่

การประท้วงในครั้งนี้จะก่อให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่ อันดับ 1 ไม่วุ่นวาย เพราะรัฐบาลควบคุมสถานการณ์ได้ มีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมดูแล เป็นการเคลื่อนไหวเรียกร้องที่ไม่รุนแรง อยู่ในพื้นที่ที่กำหนด อันดับ 2 ไม่แน่ใจ เพราะยังไม่เกิดขึ้น ยังไม่รู้ความเคลื่อนไหว อาจเกิดเหตุหรือไม่ก็ได้ ต้องดูสถานการณ์��่อน อันดับ 3 วุ่นวาย เพราะอาจมีผู้ไม่หวังดี มือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ เป็นประเด็น จนเกิดการโจมตีกันไปมา

และคำถามที่ว่าประชาชนเห็นด้วยหรือไม่กับการประท้วงในครั้งนี้ 52.01 เปอร์เซนต์ ไม่เห็นด้วย เพราะควรใช้วิธีการที่สันติ แสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ อาจได้ไม่คุ้มเสีย รัฐบาลต้องดำเนินการตามโรดแมป กระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศ ในขณะที่ 47.99 เปอร์เซนต์ เห็นด้วย เพราะอยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ต้องการให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ประชาชนได้ออกเสียง ใช้สิทธิของตัวเอง

เมื่อถามถึงความในใจที่อยากบอก "ผู้ประท้วง" พบว่า อันดับ 1 ระบุว่า อยากให้ชุมนุมอย่างสงบ อยู่ในขอบเขต มีสติ อันดับ 2 ระบุว่า อยากให้เห็นแก่ส่วนรวม ไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และอันดับ 3 เห็นว่าควรใช้วิธีการเจรจา ยื่นหนังสือ ส่งตัวแทนพูดคุย

ส่วนความในใจที่อยากบอก "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. คือ อันดับ 1 อยากให้ฟังเสียงของประชาชน เปิดกว้าง ให้อิสระทางความคิด อันดับ 2 อยากให้กำหนดการเลือกตั้งให้ชัดเจน ทำตามโรดแมปที่ประกาศไว้ และอันดับ 3 อยากให้เร่งแก้ปัญหาโดยเร็ว ยึดหลักความถูกต้อง เป็นธรรม