ไม่พบผลการค้นหา
กรมควบคุมโรค เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์โรคติดเชื้ออีโบลาในคองโกอย่างใกล้ชิด หลังยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 41 รายแล้ว

กรมควบคุมโรค เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในคองโกอย่างใกล้ชิด ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุด 41 ราย สัปดาห์เดียวเพิ่มขึ้น 7 ราย ด้านองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ยังคงทำงานร่วมกับพื้นที่อย่างเต็มที่ ขณะที่ไทยยังคงมาตรการเฝ้าระวัง คัดกรองอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่จะเดินทางไปประเทศที่มีการระบาด ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเดินทาง

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในเมืองนอร์ธกีวู ซึ่งเป็นการระบาดระลอกที่ 2 ของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DR Congo) ยังคงต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง 

องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือและการดำเนินงานป้องกัน ควบคุมโรคในพื้นที่คองโก โดยสถานการณ์ล่าสุดมีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในเมืองนอร์ธกีวูมีจำนวน 57 ราย และเสียชีวิตแล้ว 41 ราย มีผู้ป่วยที่ยืนยันเพิ่มจากสัปดาห์ก่อน 14 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 7 ราย และยังคงทำงานอย่างเต็มที่ร่วมกับหน่วยงานในประเทศที่จะควบคุมและยุติการระบาดในครั้งนี้ 

โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาเป็นโรคติดต่ออันตราย ตามประกาศ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้มีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีค้างคาวกินผลไม้เป็นพาหะ และเป็นโรคที่ติดต่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านการสัมผัสโดยตรงหรือรับประทานสัตว์ป่าที่ติดเชื้อ หรือสัมผัสสารคัดหลั่ง การติดต่อจากคนสู่คน โดยการคลุกคลีใกล้ชิด สัมผัสกับเลือด สารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย ปัสสาวะ เป็นต้น อาการสงสัยหลังสัมผัสเชื้อ ได้แก่ มีไข้สูง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ อาเจียน ท้องเสีย และมีผื่นนูนแดงตามตัว

ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคจึงยังคงเฝ้าระวังโรคดังกล่าวอย่างต่อเนื่องใน 3 ระดับ คือ 

1.ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ 

2.โรงพยาบาลภาครัฐและภาคเอกชน

3.ในระดับชุมชน 

พร้อมกำชับด่านควบคุมโรคทั่วประเทศ ให้คัดกรองผู้ที่มีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่ระบาดในทุกๆ ช่องทางเข้า-ออก ทั้งที่ด่านสนามบิน ด่านท่าเรือ และด่านชายแดน หากพบผู้เดินทางมีอาการคล้ายโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาจะรับเข้าดูแลในโรงพยาบาลที่จัดเตรียมไว้ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด เพื่อตรวจวินิจฉัยและให้การรักษาตามมาตรฐานที่กำหนด อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะเดินทางไปประเทศที่มีการระบาด ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเดินทาง

Photo by Drew Hays on Unsplash

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :