ไม่พบผลการค้นหา
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เห็นชอบอัดฉีดงบประมาณ 901 ล้านบาทสนับสนุนโครงการโอท็อป เน้นลุยตลาดออนไลน์ และนักท่องเที่ยว คาดสร้างรายได้เพิ่มเป็น 1.8 แสนล้านบาท

ที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ (กอ.นตผ.) ที่มี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบรายละเอียดการจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอท็อป) วงเงิน 901 ล้านบาท ให้หน่วยงานต่างๆ ประจำปี 2562

ทั้งนี้ แบ่งเป็นจัดสรรให้กับหน่วยงานราชการ 5 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม 1 โครงการ วงเงิน 180 ล้านบาท, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 2 โครงการ วงเงิน 60.34 ล้านบาท, กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 2 โครงการวงเงิน 76.1 ล้านบาท, กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1 โครงการ วงเงิน 40 ล้านบาท, และอีก 1 ล้านบาท เป็นงบประมาณในการดำเนินงาน

สำหรับวงเงินที่เหลือ 543.56 ล้านบาท จัดสรรให้แก่กระทรวงศึกษาธิการ โดยจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่สามารถเกิดผลลัพธ์ที่ก่อให้เกิดรายได้ ต่อชุมชนอย่างแท้จริงและกระจายไปทั่วภูมิภาค โดยให้จัดทำข้อเสนอมาให้ประธานที่ประชุม กอ.นตผ. พิจารณาภายในวันที่ 31 พ.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม นายสมคิดได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ เพิ่มช่องทางขาย สินค้าโอท็อปทางออนไลน์เพิ่มขึ้นโดยในวันที่ 17 พ.ค.นี้จะมีการเปิดเว็บไซต์ marketplace.com ที่จะเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ Thai trade.com ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยตั้งเป้าว่าสินค้าโอท็อปของแต่ละชุมชนอย่างน้อยหนึ่งผลิตภัณฑ์ต้องมาขายบนเว็บไซต์นี้ เพื่อการเพิ่มยอดขายในอนาคต

นอกจากนี้ ยังสั่งให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แสดงสินค้าโอท็อปท่องเที่ยวเพื่อให้สินค้าในชุมชนไปสู่มือนักท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างตลาดเพิ่มเติม จากโอท็อปซิตี้ และเพิ่มการผลิตสินค้าโอท็อปพรีเมียมที่เป็นสินค้าที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีมาในประเทศกว่า 35 ล้านคน ขณะนี้กำลังเน้นเรื่องการขายสินค้าโอท็อปผ่านสนามบิน โดยจะเพิ่มจากการขายที่สนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ ภูเก็ต ไปยังสนามบินเชียงราย และอู่ตะเภา ปัจจุบันยอดขายสินค้าโอท็อปในสนามบิน อยู่ที่ 300 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างการเพิ่มช่องทางการขายสินค้าโอท็อปบนสายการบินต่างๆ

ทั้งนี้ การดำเนินโครงการส่งเสริมผลิตภัณฑ์โอท็อปในปี 2561 ตั้งเป้าหมายสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 20% จาก 1.53 แสนล้านบาท ในปี 2560 เป็น 1.84 แสนล้านบาท โดยมีการดำเนินงานด้านต่างๆ ได้แก่ เปิดรับลงทะเบียนโอท็อปเพิ่ม 4,021 ราย 7,532 ผลิตภัณฑ์ ขณะนี้มีสินค้าโอท็อป 126,462 ผลิตภัณฑ์ มีผู้ประกอบการโอท็อป 61,582 ราย มีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัดเพื่อจำหน่ายสินค้าโอท็อปแล้ว 54 จังหวัด ด้านการส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์หลายเว็บไซต์ โดยมียอดขายผ่านช่องทางออนไลน์รวมกว่า 1.16 แสนล้านบาท