ไม่พบผลการค้นหา
แอมเนสตี้ฯ รายงานตั้งแต่เดือน ม.ค. - ส.ค. ที่ผ่านมา มีอาชญากรในกรุงจาการ์ตา และปาเลมบัง ถูกเจ้าหน้าที่รัฐวิสามัญก่อนเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียน เกมส์ ครั้งที่ 18 ไปแล้ว 31 ราย

เว็บไซต์ ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยตัวเลขอาชญากรที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซียวิสามัญในช่วงเดือน ม.ค. - ส.ค. 2561 มีจำนวน 31 ราย เกิดในเมืองที่ใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาเอเชียน เกมส์ ครั้งที่ 18 คือกรุงจาการ์ตา และเมืองปาเลมบัง 

ในรายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสังหารอาชญากรทั่วประเทศไปแล้วอย่างน้อย 77 ราย ในช่วงเดียวกัน ถือว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 64 จากปี 2559 ซึ่งความผิดส่วนใหญ่เป็นเพียงความผิดแบบลหุโทษ หรือโทษสถานเบาเท่านั้น 

พร้อมกับนิยามกลยุทธ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซียใช้ปราบปรามอาชญากรในช่วงนี้ว่า เป็นการกระทำที่ไม่มีความจำเป็นและเกินกว่าเหตุ 

'อุสมาน ฮามิด' ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล อินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ในเดือนที่มีการจัดการแข่งขันเอเชียน เกมส์ เจ้าหน้าที่ให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงระบบการรักษาความปลอดภัยทั้งหมดให้ดีขึ้น แต่พวกเราได้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ปีนยิงและสังหารผู้คนหลายสิบชีวิตทั่วประเทศ ซึ่งเกือบทั้งหมดไม่สามารถตรวจสอบได้

เหตุการณ์นี้บ่งบอกได้ว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและไร้ประโยชน์ที่บังคับใช้โดยเจ้าหน้าที่รัฐ และยังสร้างมลทินให้กับระบบรักษาความปลอดภัยสาธารณะด้วย เพราะการเป็นเจ้าภาพจัดงานกีฬานานาชาติต้องไม่ละทิ้งคุณค่าของความเป็นคนไป ดังนั้น การสังหารนี้ต้องจบลง และผู้เสียชีวิตทั้งหมดต้องเข้าสู่กระบวนการสืบสวนอย่างทันที

ซีเอ็นเอ็นยังรายงานว่า ได้พยายามติดต่อเจ้าหน้าที่ทางการอินโดนีเซีย สำหรับแสดงความเห็นในเรื่องนี้ แต่ไม่สำเร็จ

ขณะที่ แอมเนสตี้ฯ เปิดเผยว่า จำนวนอาชญากรที่เสียชีวิตนี้ บางคนอาจจะกระทำความผิดข้อหาปล้นทรัพย์ ขี่รถจักรยานยนต์พร้อมถืออาวุธปืนหรือมีดเท่านั้น มี 11 รายในกรุงจาการ์ตา และ 3 รายในพื้นที่สุมาตราตอนใต้ถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตระหว่างวันที่ 3-12 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ใช้ในการจัดงานกีฬาดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องสงสัยถูกยิงที่ขาอีก 41 คน ขณะที่อีกมากกว่า 700 คน ถูกจับข้อหากระทำการผิดกฎหมาย

ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล อินโดนีเซีย กล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกฝึกมาตามนโยบายว่าให้ยิงก่อนถามทีหลัง ดังนั้นสำนักปกป้องสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องรีบพิจารณาในเรื่องนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ให้เกิดความยุติธรรมและเป็นอิสระในการสืบสวนก่อนจะกระทำการตัดสิน รวมถึงสายการบังคับบัญชาด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :