ไม่พบผลการค้นหา
ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ชี้ต้องการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจให้สหรัฐฯ พร้อมฟื้นหลังจบวิกฤตสุขภาพ เน้นทั้งกลุุ่มธุรกิจและรัฐบาลท้องถิ่น

ธนาคารกลางของสหรัฐฯ (เฟด) แถลงข่าวชี้แจงแนวโน้มการอัดฉีดเม็ดเงินอีก 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 75 ล้านล้านบาท เข้าสู่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านโปรแกรมใหม่ที่จะช่วยบริษัทรวมไปถึงรัฐบาลท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19

แพ็กเกจบรรเทาความตึงเครียดทางการเงินนี้ถูกปล่อยออกมาแทบจะทันทีหลังจากรัฐบาลประกาศตัวเลขผู้ว่างงานกว่า 6.6 ล้านคน ขณะที่อีก 16 ล้านคน ได้รับเงินเดือนน้อยลงกว่าเดิม จากผลกระทบของมาตรการการกักตัวและการหยุดชะงักของภาคธุรกิจ 

ภายใต้มาตรการชุดนี้ ธนาคารกลางจะเข้าไปดูแลธุรกิจที่มีพนักงานไม่เกิน 10,000 คน และมีรายได้ในปี 2562 น้อยกว่า 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 81,600 ล้านบาท ทั้งยังจะตั้งวงเงินกระตุ้นภาคท้องถิ่นด้วยเงินกู้มูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 16.3 ล้านล้านบาท 

เจอโรม เพาเวลล์ ประธานธนาคารกลางของสหรัฐฯ ชี้ว่า "บทบาทของเฟดคือต้องช่วยบรรเทาและสร้างเสถียรภาพให้ได้มากเท่าที่เราจะทำได้ในช่วงเวลาที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจฝืดเคือง และการกระทำของเราวันนี้จะช่วยให้มั่นใจว่าการฟื้นตัวจะเข้มแข็งมากเท่าที่จะมากได้"


เงินต้องถึงทั้งธุรกิจและรัฐบาลท้องถิ่น

วงเงินกู้ของโปรแกรมกู้เงิน ‘เมนสตรีท’ สำหรับธุรกิจนั้นเริ่มตั้งแต่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 32.67 ล้านบาท ไปจนถึง 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 816 ล้านบาท หรือในจำนวนที่ "เมื่อรวมเข้ากับยอดหนี้คงค้างหรือยอดหนี้ที่ยังไม่ได้เบิกออกมา ต้องไม่เกิน 4 เท่าจากสัดส่วนรายได้ในปี 2562 ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา (depreciation) และค่าตัดจำหน่าย (amortization)" ซึ่งเงินกู้ครั้งนี้จะมีระยะเวลา 4 ปี ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 โดยเฟดได้เตรียมวงเงินไว้ที่ 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 19 ล้านล้านบาท

เฟดจะยื่นมือเข้าไปช่วยบางบริษัทที่ถูกลดการจัดอันดับไม่ได้อยู่ในระดับการลงทุนหลังวันที่ 22 มี.ค.ให้สามารถรับความช่วยเหลือจากเฟดได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามในฝั่งบริษัทที่มีธุรกิจสุ่มเสี่ยงและมีหนี้จำนวนมากที่พึ่งแต่การรีไฟแนนซ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมายังไม่มีความช่วยเหลือโดยตรงไปถึง

นอกจากนี้ ในฝั่งของรัฐบาลท้องถิ่น เฟดก็ยังเตรียมเงินซื้อหุ้นกู้ระยะสั้นของบริษัทด้วยมูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 16.3 ล้านล้านบาท โดยมีกำหนดครบชำระในเวลา 2 ปี พร้อมกับเงิน 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,143 ล้านบาทของกระทรวงการคลังเพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ 

เฟดยังประกาศเข้าไปสนับสนุนเพิ่มเติมในด้านสินเชื่อของครัวเรือนและธุรกิจ โดยใช้เม็ดเงินประมาณ 850,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 27.7 ล้านล้านบาท โดยมีเงินป้องกันมูลค่า 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2.77 ล้านล้านบาท จากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ

อ้างอิง; Bloomberg, CNN, NYT, CNBC