ไม่พบผลการค้นหา
เลขาธิการพรรค ทษช. แจง พรรคพร้อมต่อยอดนโยบายที่ประสบความสำเร็จของ 'ทักษิณ ชินวัตร' ด้วยเทคโนโลยี เพื่อปากท้องของประชาชน

นายมิตติ ติยะไพรัช เลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) และประธานสโมสรฟุตบอลสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว 'วอยซ์ ออนไลน์' ถึงการพลิกบทบาทมาทำงานการเมืองเต็มตัว เป็่นความท้าทายอย่างหนึ่ง แต่ตนก็ใช้ประสบการณ์ในการบริหารทีมฟุตบอลมากว่า 10 ปี ปรับใช้ได้ เพราะสโมสรฟุตบอลเป็นสถาบันที่สร้างอาชีพ สร้างโอกาส และต่อยอดไปเป็นความสุขให้กับประชาชนได้ เช่นเดียวกับพรรคการเมืองที่รัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์ให้เป็นสถาบันการเมืองของประชาชน การวางแผนระยะสั้น กลาง ยาว และการวางโครงสร้างพื้นฐานสามารถนำมาปรับใช้กับพรรคการเมืองได้

แม้ว่าจะมีไลฟ์สไตล์ที่คลุกคลีอยู่กับกีฬาฟุตบอล แต่มีความสนใจการเมืองมาตั้งแต่เด็กแล้ว โดยเฉพาะช่วงเวลาที่คุณพ่อ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา เข้ามาทำงานการเมือง ตนก็มีโอกาสได้ช่วยงานพ่อและเรียนรู้งานการเมืองไปในตัว ส่วนอนาคตอาจจะตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมือง 100% จะมีการแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวสายกีฬาอีกครั้ง ส่วนการอยู่คนละพรรคกับคุณพ่อก็ไม่ใช่ปัญหาเช่นกัน เพราะจริงๆ แล้วคุณพ่อไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อชาติ แต่เป็นแค่กองเชียร์ ถึงแม้การลงพื้นที่จะอยู่คนละทีม แต่กลับบ้านมายังไงก็ยังเป็นทีมเดียวกันเป็นพ่อลูกกัน

"วันนี้สถาบันการเมืองที่ผมคิดว่ามันใกล้ตัวเราที่สุด คือ สถาบันครอบครัว วันนี้ถ้าเรามีอิสระเสรีภาพในการ หรือว่าเราเคารพในการตัดสินใจของซึ่งกันและกันตั้งแต่ในบ้าน ผมว่าออกมาข้างนอกเราไม่ทะเลาะกันหรอกครับ"

การเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีคุณพ่อเป็นนักการเมืองอาจจะถูกเปรียบเทียบ ซึ่งนายมิตติ เปิดเผยว่า ตนไม่ได้กังวลเรื่องนี้ เพราะเชื่อในความเป็นตัวของตัวเอง มีแนวทางมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่ชัดเจนในการมาร่วมพรรคไทยรักษาชาติ คือ ต้องการต่อยอดนโยบายดีๆ ที่เคยทำได้ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นของพรรคไทยรักไทย หรือพลังประชาชน นำมาต่อยอดโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อที่ทำให้ชาวบ้านเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ข้าราชการก็ทำงานได้ง่ายขึ้น ให้ทั้งสองฝั่งทำงานเข้าหากันได้ง่ายขึ้น สามารถแก้ปัญหาปากท้องและพัฒนาชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ


มิตติ

อย่างไรก็ตามโจทย์ของตนในฐานะเลขาธิการพรรค คือ ต้องผลักดันให้ทุกคนในพรรคทำงานร่วมกันโดยสำเร็จลุล่วงทั้งกรรมการบริหารที่เป็นคนรุ่นใหม่ และทีมที่ปรึกษาซึ่งเป็นคนที่มีประสบการณ์ ส่วนความฝันในทางการเมือง ไม่ได้คาดหวังว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด ตอนนี้ต้องคิดเรื่องการกำหนดกรอบนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ และต่อยอดนโยบายที่ดีให้ดียิ่งขึ้นไป เช่น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งทั้งหัวหน้าพรรค และทุกคนในพรรค มีความคิดเห็นไปในทางเดียวกัน

ในยุคที่คนเริ่มเบื่อหน่ายการเมือง การจะสร้างความมีส่วนร่วมของประชาชนต้องรอการปลดล็อกจาก คสช. แต่มีความฝันที่อยากจะทำให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมืองที่แข็งแกร่งจริงๆ ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมได้ มีความโปร่งใส ประชาชนรู้สึกเป็นเจ้าของพรรคได้ วันนี้มีโอกาสได้มาเริ่มต้นทำพรรคใหม่ จะพยายามเต็มที่ร่วมมือกับกรรมการบริหารพรรคทำให้พรรคไทยรักษาชาติเป็นที่รู้จักของคนให้มากขึ้น และเป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งและยั่งยืนในที่สุด นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่จะใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาการกีฬา ซึ่งเป็นแนวนโยบายหนึ่งที่กำลังพิจารณากันอยู่ เลขาธิการพรรคฯ กล่าวเสริมด้วยว่า อาชีพในวงการการเมืองนี้คงจะเป็นอาชีพสุดท้ายในชีวิตของตน

"เวลานี้มันเป็นเวลาที่วิกฤติที่สุด ตั้งแต่ผมเห็นการเมืองมา ผมคิดว่าช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาวิกฤติที่ทุกคน ถ้ามีแรง ถ้ามีความฝัน ถ้าทุกคน ถ้ามีความรู้สึกว่าวันนี้เราไม่มีความสุข ผมอยากให้ออกมา"

ส่วนตัวอยากให้เยาวชนที่ยังไม่เคยเลือกตั้งมาก่อน หันมาใส่ใจการเมือง พรรคการเมืองควรร่วมมือกับสื่อที่ทำให้เยาวชนจำนวนกว่า 6 ล้านคน ตื่นตัวทางการเมืองและเมื่อรวมกับประชาชนอีก 35 ล้านคนที่มาเลือกตั้งในปี 2554 จะทำให้เปอร์เซ็นของคนที่มาเลือกตั้งมากขึ้น และจะทำให้รัฐบาลได้รับรู้ความต้องการของประชาชนจริงๆ

เมื่อถามว่า ถ้าเปรียบการเลือกตั้งที่จะมาถึงเหมือนการแข่งขันฟุตบอล ตัวพรรคไทยรักษาชาติเองเปรียบเสมือนตำแหน่งไหน? นายมิตติ ตอบว่า ฟุตบอลคือทีมเวิร์ค ไม่เคยเชื่อเลยว่าผู้เล่นคนเดียวจะสามารถที่จะเปลี่ยนแปลง หรือชนะการแข่งขันได้ ต่อให้มีลิโอเนล เมสซิ 11 คนก็ตาม ทุกคนมีความสำคัญ ทั้ง 11 คนจะมีหน้าที่แตกต่างกันในการขับเคลื่อนทีมให้ไปข้างหน้า

"วันนี้พรรคไทยรักษาชาติเป็นหนึ่งในผู้เล่น 11 คนได้แน่นอนเราพร้อมที่จะสู้ไปพร้อมทุกๆ พรรคที่ยืนยันและมีเจตนารมณ์ในการสนับสนุนประชาธิปไตย เราจะเป็นตัวเสริมที่ดี เราจะเป็นตัวส่งที่ดี จะเป็นตัวจ่ายบอลที่ดีในการที่จะทำให้โกลของเราคือการพัฒนาประเทศ ในการที่จะกู้วิกฤติจากตรงนี้"