ไม่พบผลการค้นหา
'นคร' ย้ำจุดยืนขอต่อสู้เผด็จการ นำประเทศพ้นยุคมืด ลั่นไม่เคยรับผลประโยชน์จากทักษิณ พร้อมเปิดเผยข้อมูลขบวนการล้มล้างสองอดีตนายกฯ ในชั้นศาล ฟากฝ่ายกฎหมาย ปชป. จ่อฟ้องเอาผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์

นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก และอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับขบวนการสมคบคิดล้มล้างนายทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองอดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านการทำรัฐประหารถึงสองครั้ง เพราะอยู่ในหลายเหตุการณ์สำคัญ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ 

ขณะเดียวกัน ยืนยันว่าไม่ได้สร้างเรื่อง สร้างราคาให้กับตัวเองอย่างที่ถูกกล่าวหา จึงไม่จำเป็นต้องเปิดเผยชื่อบุคคลหรือบอกเล่าเหตุการณ์เพิ่มเติมตามที่มีการท้าทาย เพราะเป็นเพียงกับดักที่บางคนต้องการนำไปใช้ฟ้องร้องในอนาคต ซึ่งหากมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นจริงก็พร้อมต่อสู้และนำข้อมูลไปเปิดเผยในชั้นศาล

นายนคร ย้ำว่า ไม่ได้ต้องการโจมตีหรือใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ แต่จุดประสงค์ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูล เพราะต้องการแสดงจุดยืนและยืนยันอุดมการณ์ของตัวเองที่สนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่เป็นการต่อสู้แย่งชิงอำนาจระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายเผด็จการ 

โดยต้องการให้มวลชนหูตาสว่าง ได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริง และนำพาบ้านเมืองพ้นจากยุคมืด ซึ่งพรรคการเมืองต่างๆ ควรร่วมมือกันต่อสู้กับระบอบเผด็จการ ไม่ควรมาขัดแย้ง ทำลายกันเอง เพราะถึงเวลาแล้วที่ประเทศชาติต้องกลับคืนสู่ประชาธิปไตย ทหารกลับคืนสู่กรมกอง

นายนคร ยืนยันด้วยว่า ไม่ได้สมคบคิดกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือสมคบคิดกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยพูดคุยกับนายทักษิณเพื่อเรียกร้องหรือต่อรองตำแหน่งใดๆ ตามที่ถูกกล่าวหา เพราะการได้เป็น ส.ส. ของชาวพิษณุโลกถือว่าเป็นเกียรติประวัติสูงสุดแล้ว 

ขณะเดียวกัน ปัจจุบันนี้ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแบบเต็มร้อย และที่ผ่านมาก็มีพรรคการเมืองหลายพรรคติดต่อทาบทามให้ไปร่วมทำงานด้วย โดยเฉพาะพรรคที่ประกาศสนับสนุน คสช. โดยเสนอผลประโยชน์ให้ถึง 50 ล้านบาท แต่ได้ปฏิเสธไป เพราะไม่ต้องการทรยศประชาชน

อดีตส.ส.พิษณุโลก เชื่อมั่นว่า การออกมาพูดความจริงในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะเชื่อมั่นในวิจารณญาณของชาวพิษณุโลกและวิจารณญาณของประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งประชาชนในยุคปัจจุบันนี้ดูออกว่าพรรคการเมืองใด นักการเมืองคนใด หรือกลุ่มการเมืองใดมีพฤติกรรมสนับสนุนเผด็จการ ทำลายประชาธิปไตย ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริงหรือไม่

ส่วนการที่มีทหารไปเยี่ยมบ้านนั้น นายนคร ยอมรับว่า ที่ผ่านมามีทหารเดินทางมาที่บ้านพักเป็นประจำ ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพล เชื่อว่าเหตุผลสำคัญของการมาเยี่ยมบ้าน เพราะต้องการสกัดกั้น กดดันไม่ให้เป็นกำลังหลักในการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน

ฝ่ายกฎหมาย ปชป. เล็งฟ้องผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ขณะที่ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าคณะกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ขณะนี้คณะกฎหมายของพรรคกำลังเร่งเตรียมการเพื่อดำเนินการนำข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.ปชป. ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กขอโทษ 2 อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีข้อความที่กระทบต่อพรรค ปชป. เพราะประเด็นที่นายนครได้ออกมาพูดถึงนั้นทำให้พรรคมีความเสียหายอย่างมาก เบื้องต้นจะดำเนินการฟ้องร้องในคดีที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ด้วยการที่ว่าเขาเอาความเท็จออกมาเผยแพร่สู่โซเชียลมีเดีย โดยเมื่อคณะกฎหมายรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้วในวันที่ 31 ก.ค. นี้

โดยจะนำเสนอเรื่องต่อผู้มีอำนาจภายในพรรค เพื่อให้พิจารณาจัดการเรื่องว่าเห็นควรจะดำเนินต่อไปอย่างไร หากผู้มีอำนาจภายในพรรคเห็นควรว่าจะดำเนินการฟ้องร้องก็จะดำเนินการทำให้คดีนี้ไปถึงที่สุด แต่หากผู้มีอำนาจภายในพรรคไม่ติดใจก็จะต้องเคารพการตัดสินใจของผู้ใหญ่ผู้มีอำนาจในพรรค

'สุริยะใส' ชี้ 'นคร' ขอโทษแก้เก้อ ปูทางรับพลังดูด

ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิตและผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวถึงกรณีนายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก และอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กขอโทษนายทักษิณ ชินวัตร และกล่าวหาว่ามีขบวนการสร้างสถานการณ์ล้มล้างนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรว่า นายนครจะมีเจตนาเช่นไรก็ตาม แต่เรื่องราวทั้งหลายได้ข้อยุติและสังคมก็เห็นชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะการที่นายนครระบุว่าการทุจริตคอรัปชั่นของนายทักษิณ เป็นแค่วาทกรรมนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะศาลพิพากษาว่าโกงและได้ข้อยุติในหลายๆ คดี ไปแล้ว และหลายคดีมีใบเสร็จมีหลักฐานคาหนังคาเขา จนนายทักษิณและน้องสาวต้องหลบหนี

ไม่ว่าจะเป็นการทุจริตคอรัปชั่น แทรกแซงองค์กรอิสระ ฆ่าตัดตอน กองกำลังติดอาวุธ ฯลฯเรื่องราวพวกนี้ไม่ใช่วาทกรรมปั้นแต่ง แต่เต็มไปด้วยพยานข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ทั้งสิ้น จนภาคประชาชนต้องลุกขึ้นมาต่อต้านเพื่อปกป้องชาติบ้านเมืองไว้

"ในสมัยที่นายนคร เป็นฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบ ก็ทำหน้าที่บนข้อเท็จจริงเช่นนี้ มาวันนี้พูดอีกอย่าง ซึ่งเท่ากับนายนครไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกและรับผิดชอบต่อประชาชนที่เลือกมาทำหน้าที่ ส.ส. ซึ่งคนที่นายนครควรขอโทษ ไม่ใช่นายทักษิณ แต่ควรขอโทษประชาชนที่เลือกมาจะเหมาะสมกว่า ถึงแม้ว่านายนครมีสิทธิย้ายไปอยู่กับนายทักษิณ หรือใครๆก็ได้ แต่ก็ควรเคารพประชาชนที่เลือกนายนคร ที่ยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามและตรวจสอบนายทักษิณในตอนนั้น และเอาเข้าจริงๆ เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ มันเป็นแค่ผลพวงของการดูด สิ่งที่นายนครพูดก็เปรียบเสมือนใบเสร็จของการดูด แต่อาจพยายามสร้างวาทกรรม เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของการดูดของพรรคที่กำลังด่าพรรคอื่นแต่กลับมาทำเสียเอง" นายสุริยะใส กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :