ไม่พบผลการค้นหา
รู้หรือไม่ว่า ‘พานาโซนิค’ แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นรับสร้างบ้านมาตั้งแต่ปี 1963 มีเทคโนโลยีต้านทานแผ่นดินไหวรุนแรงผ่านทั้งเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ปี 1995 และ 2011 มาแล้ว

พานาโซนิคโฮมส์ (Panasonic Homes) เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของแบรนด์พานาโซนิค ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1963 โดยวิสัยทัศน์ของโคโนะสุเกะ มัตสึชิตะ (Konosuke Matsushita) ผู้ก่อตั้งพานาโซนิค ปัจจุบันมีพนักงานทั้งหมด 6,237 คน 

เริ่มจากดำเนินธุรกิจก่อสร้างบ้านในญี่ปุ่น โดยเริ่มต้นในชื่อ ‘พานาโฮม’ (PanaHome) ก่อน แล้วมาเปลี่ยนเป็น ‘พานาโซนิคโฮมส์’ เมื่อเดือน เม.ย. 2018 ที่ผ่านมา มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองโตโยนากะ (Toyonaka) ประเทศญี่ปุ่น

พานาโซนิคโฮมส์ได้พัฒนาฟังก์ชันต่าง ๆ และคุณภาพของบ้านมากว่า 50 ปีในญี่ปุ่น จากการสั่งสมความเชี่ยวชาญจึงได้ขยายตลาดบ้าน ‘มาตรฐานญี่ปุ่น’ ที่ยึดหลักความสงบของจิตใจและความสะดวกสบายออกสู่ ภูมิภาคอาเซียน ด้วยพบว่าบ้านในอาเซียนจำนวนมากยังมีปัญหาการรั่วซึมรวมถึงฝุ่นควันและมลพิษทางอากาศ จากประสบการณ์กว่า 50 ปีในญี่ปุ่น จึงขยายตลาดพานาโซนิคโฮมส์เข้ามาในอาเซียน พร้อมด้วยเทคโนโลยี POWERTECH ของพานาโซนิคเองมาช่วยตัดความกังวลว่าจะมีน้ำรั่วซึม POWERTECH ยังช่วยป้องกันแผ่นดินไหวได้ด้วย โดยได้รับการพิสูจน์ว่าสามารถต้านทานแผ่นดินไหวความรุนแรง 6.8 แมกนิจูดในปี 1995 ได้มากกว่าบ้านปกติสี่เท่า และ 1.8 เท่าสำหรับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในปี 2011 และเทคโนโลยีที่จะทำให้อากาศในบ้านที่บริสุทธิ์อย่าง PURETECH ที่ควบคุมคุณภาพอากาศได้ทุกพื้นที่ภายในบ้าน ทั้งยังสามารถป้องกันฝุ่นขนาดเล็กมากอย่าง PM2.5 ได้ ซึ่งยังเป็นเทคโนโลยีประหยัดพลังงานอีกด้วย อีกทั้งพานาโซนิคโฮมส์ยังสร้างด้วยวัสดุที่เป็นฉนวนกันความร้อน (heat insulation material) ช่วยให้บ้านเย็นกว่าบ้านปกติ 3°C ช่วยให้เครื่องปรับอากาศปรับอุณหภูมิในบ้านได้อย่างรวดเร็ว และทำให้ยิ่งประหยัดพลังงานมากขึ้น

นอกจากนี้พานาโซนิคโฮมส์ยังมี อาคารให้เช่าสำหรับบ้านพักผู้สูงอายุกับคลินิกและยังรับรีโนเวทบ้าน อีกด้วย และได้ขยายจากธุรกิจบ้านเดี่ยวด้วยการสร้างคอนโดมิเนียมในไต้หวันในปี 2010, มาเลเซียในปี 2012 และอินโดนีเซียในปี 2017

เดือน ต.ค. 2017 พานาโซนิคโฮมส์ได้ร่วมมือกับ บริษัทด้านการลงทุน Sojitz ของอินโดนีเซียเพื่อสร้างเมืองแบบ Smart Town ที่ยั่งยืนในเมือง Deltamas นอกกรุงจาการ์ตาประเทศอินโดนีเซีย เป็นโครงการพัฒนาเมืองที่ครอบคลุมทั้งพื้นที่เชิงพาณิชย์ ที่อยู่อาศัย และพื้นที่อุตสาหกรรม เฟสแรกของโครงการลงทุน 91 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มดำเนินการเมื่อต้นปี 2018 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2019 และเฟสสุดท้ายคาดว่าจะเสร็จในปี 2026 โดยรองประธานบริษัท Sojitz กล่าวว่าในอนาคตอันใกล้จะมีโรงเรียนและโรงพยาบาลด้วย

เดือน ส.ค. 2018 พานาโซนิคโฮมส์ได้ร่วมทุนกับ Mitsui Fudosan บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของโลกในโตเกียว โดยประกาศว่าจะดำเนินธุรกิจที่อยู่อาศัยในไต้หวัน และเดือน ก.ย. 2018 ยังได้ลงทุนในสตาร์ทอัพ Caspar ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำที่แคลิฟอร์เนียในสหรัฐอเมริกาด้านปัญญาประดิษฐ์หรือ AI สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะหรือ Smart Home  

ต้นเดือน พ.ย. 2018 พานาโซนิคยังได้ ร่วมกับบริษัท SoftBank ประกาศโปรเจ็คต์อุปกรณ์ในบ้านที่เป็น Internet of Things (IoT) ที่เป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง Non-IP Data Delivery (NIDD) ที่ไม่ต้องมี IP address ซึ่งจะช่วยให้สามารถพัฒนาเครือข่ายความปลอดภัยขั้นสูงสำหรับอุปกรณ์ IoT ทำงานด้วยระบบ cloud computing ภายในบ้านโดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ระบบ NIDD ยังสามารถลดการใช้พลังงานสำหรับการสื่อสารของอุปกรณ์ IoT ทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น โครงการเริ่มที่โอซาก้าตั้งแต่เดือนนี้ ซึ่ง SoftBank ได้ทำการทดสอบระบบนี้ในธุรกิจที่อยู่อาศัยสำเร็จเป็นเจ้าแรกของโลก ประกอบกับช่วง 100 ปีที่ผ่านมาพานาโซนิคสั่งสมประสบการณ์ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ภายในบ้านคุณภาพดีที่ทำให้ดำเนินธุรกิจมาได้ถึงทุกวันนี้ โดยไม่กี่ปีที่ผ่านมาพานาโซนิคก็ได้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ภายในบ้านที่เป็น IoT ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและเว็บไซต์ได้ จึงเกิดการร่วมมือกันครั้งนี้

นอกจากนี้พานาโซนิคโฮมส์และบริษัท Daiwa House Industry ได้ร่วมกันขยายตลาดบ้านและคอนโดไปสู่ประเทศจีน ซึ่งมีอพาร์ทเมนท์สำเร็จรูปสำหรับคนงานก่อสร้างด้วย "เราต้องการปรับปรุงสภาพแวดล้อมอันย่ำแย่ของที่อยู่อาศัยสำหรับคนงานก่อสร้างในประเทศจีนซึ่งเป็นปัญหาเชิงสังคม" ไดโสะ อิโตะ (Daizo Ito) ผู้บริหารของพานาโซนิคกล่าวไว้เมื่อเขาเข้าเยี่ยมสถานที่ก่อสร้างในประเทศจีนที่เขตชีอาน (Xian)  เมื่อเดือน ก.ย. อพาร์ทเมนท์คนงานยังติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์และฉนวนกันความร้อนซึ่งช่วยให้ผู้รับเหมาลดค่าใช้จ่ายได้ด้วย

พานาโซนิคมองว่าธุรกิจที่อยู่อาศัยของตนเป็นโอกาสในการเติบโตครั้งใหม่ หลังภาคเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดโดยคู่แข่งจากจีนและเกาหลีใต้ โดยหวังว่าจะได้ประโยชน์จากความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางความเฟื่องฟูของธุรกิจก่อสร้างในจีน ทั้งนี้ Masahiro Mochizuki นักวิเคราะห์จากธนาคาร Credit Suisse กล่าวว่า "การทำกำไรจากธุรกิจที่อยู่อาศัยในญี่ปุ่นกลายเป็นเรื่องยากมากขึ้นเนื่องจากจำนวนคนที่สามารถจ่ายเงินเพื่อที่อยู่อาศัยกำลังลดลง"

เมืองอัจฉริยะฟูจิซาวะ (Fujisawa Sustainable Smart Town) เป็นชุมชนหนึ่งในเขตคานากาวะชานเมืองกรุงโตเกียว ถูกพัฒนาขึ้นโดยการร่วมมือกันของภาครัฐ พานาโซนิคโฮมส์, บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Mitsui Fudosan และเอกชนรายอื่น ๆ ได้พัฒนาพื้นที่ประมาณ 190,000 ตารางเมตร สร้างเป็นชุมชนเมืองแห่งอนาคต มีบ้านเดี่ยว 600 หลัง พื้นที่เชิงพาณิชย์ พื้นที่สาธารณะ พื้นที่สีเขียวตลอดแนวทางเดินเท้า และคอนโดอัจฉริยะ (Smart Condominium) อีก 400 ยูนิต มีผู้อาศัยอยู่ประมาณ 1,000 ครัวเรือน อีกทั้งยังมีโซนที่เป็นพลังงานโซลาร์ของชุมชน (Smart Community Solar Power) ซึ่งติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์ตลอดแนวถนนด้านหน้าของเมือง โดยมีเป้าหมายเพื่อความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 70% ด้วยการติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์บนหลังคาบ้านทุกหลังที่มีแบตเตอรี่สำรองสำหรับการเก็บพลังงาน และยังมีเป้าหมายการลดการใช้น้ำ 30% ด้วยการกักเก็บนำน้ำฝนมาใช้สำหรับสุขภัณฑ์ในห้องน้ำและรดน้ำต้นไม้ ใช้พลังงานสะอาดมาหล่อเลี้ยงระบบรักษาความปลอดภัย Virtual Gated Town ซึ่งติดตั้งกล้องวงจรปิดทั่วเมือง