ไม่พบผลการค้นหา
นิกเกอิ เอเชียน รีวิว สื่อแนวธุรกิจชั้นนำในญี่ปุ่น ตีพิมพ์บทรายงานเกี่ยวกับนโยบาย Thailand 4.0 ระบุว่า แนวคิดนี้น่าสงสัยว่าจะเป็นการลงทุนลงแรงที่สูญเปล่าหรือไม่

เมื่อวันพุธ (8 ส.ค.) เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ นิกเกอิ เอเชียน รีวิว เผยแพร่บทความของ William Mellor ผู้สื่อข่าวซึ่งปฏิบัติงานในฮ่องกง ได้แสดงความแคลงใจว่า นโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาลจะบรรลุเป้าหมายได้จริงหรือ


AA_01.jpg


ในรายงานระบุว่า รัฐบาลไทยออกค่าใช้จ่ายให้คณะสื่อมวลชนในเอเชียและนอกภูมิภาคจำนวน 3 คันรถบัสตระเวนดูความคืบหน้าของโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี โดยใช้เวลา 6 วัน ครอบคลุมกิจการตั้งแต่การบินอวกาศ หุ่นยนต์ ยาต้านมะเร็ง ไปจนถึงโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์

ผู้เขียนกล่าวว่า รัฐบาลของไทยตั้งเป้าที่จะบรรลุสถานะประเทศไทยให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายในปี 2580 แต่ตนยังไม่แน่ใจแม้การยึดอำนาจทางการเมืองจะทำให้ความปั่นป่วนยุติลงได้ แต่เมื่อรัฐบาลทหารประกาศที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ดูเหมือนพวกเขากำลังลงทุนลงแรงโดยสูญเปล่า


AA_03.jpg


ในบทความยังระบุว่า รัฐบาลได้ชูประเด็นทำเลที่ตั้งของประเทศไทยเป็นจุดขายว่า ไทยอยู่ในจุดศูนย์กลางของภูมิภาคที่มีประชากร 3,500 ล้านคน เขตเศรษฐกิจนี้มีจีดีพีคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 32 ของโลก มีการวางแผนโครงการมากมายเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ฯเพื่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงตั้งแต่จีนจนถึงสิงคโปร์

อย่างไรก็ดี ผู้เขียนชี้ถึงอุปสรรคใหญ่ 2 ประการสำหรับการบรรลุความสำเร็จของไทย คือ ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และความน่าลงทุนในสายตาของต่างชาติ

อุปสรรคข้อแรกคือ แม้ไทยมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาค รองจากอินโดนีเซีย แต่รายงานของ World Economic Forum ระบุว่า ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยมีแนวโน้มลดต่ำลง ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านต่างมีอัตราเติบโตแซงหน้าไทย นอกจากนี้ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) คาดการณ์ว่า ในปี 2561 เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา ฟิลิปปินส์ และลาว จะขยายตัวตั้งแต่ร้อยละ 6.8 – 7.1 ในขณะที่ไทยเติบโตแค่ร้อยละ 4

อุปสรรคข้อที่สองคือ ไทยกำลังถูกแย่งชิงเม็ดเงินลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ข้อมูลของสหประชาชาติระบุว่า สัดส่วนของเอฟดีไอของไทยในภูมิภาคหล่นฮวบจากร้อยละ 14 เมื่อปี 2556 ลงมาเหลือไม่ถึงร้อยละ 6 ในปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ นักลงทุนของชาติตะวันตกบางส่วนเลิกสนใจประเทศไทยนับแต่รัฐประหารเมื่อปี 2557 เป็นต้นมา

ผู้เขียนให้ความเห็นในตอนท้ายว่า อัตราเติบโตของไทยอาจจะตามหลังบรรดาเพื่อนบ้านที่มีต้นทุนต่ำต่อไป ขณะที่โครงสร้างประชากรกำลังมีผู้สูงอายุในสัดส่วนสูงขึ้น ตอนนี้ตลาดของไทยยังดีกว่าของเพื่อนบ้านแทบทุกประเทศ ประเด็นท้าทายจึงอยู่ที่การทำอีอีซีให้กลายเป็นความจริง.

ที่มา: Nikkei Asian Review