ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯเกาะติดเหตุระเบิดโรงงานย่านบางพลี สั่งเลิกปฏิบัติการฝนหลวง ส่งกำลังพลจากเหล่าทัพเข้าช่วยปฏิบัติดับไฟ พร้อมนำ ฮ.2ลำ รถฉีดโฟมเข้าระงับเหตุ ย้ำผู้ว่าฯ สมุทรปราการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

วันที่ 5 ก.ค. 2564 อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์การระเบิดภายในโรงงานของบริษัท หมิงตี้ เคมิคอล จำกัด ในซอยกิ่งแก้ว 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ที่ยังคงน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะการปฎิบัติงานบรรเทาภัยของหน่วยงานต่างๆในการระงับเหตุอย่างต่อเนื่อง ทั้งการป้องกันการะเบิดซ้ำ การดับไฟ การสะกัดควัน การจัดหาสารเคมีและโฟมดับไฟ เนื่องจากเพลิงที่ลุกไหม้ในที่เกิดเหตุ มีต้นทางเป็นถังบรรจุสารเคมีซึ่งสารดังกล่าวไม่สามารถดับได้ด้วยน้ำ จึงมีความจำเป็นต้องใช้โฟมในการดับไฟ

นายกรัฐมนตรีได้โทรศัพท์สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ประสานนำเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 2 ลำ จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และรถฉีดโฟมขนาดใหญ่ ให้ความช่วยเหลือการดับเพลิงแล้ว รวมทั้งได้สั่งให้ทุกหน่วยงานทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชนช่วยเหลือจัดหาโฟมและสารเคมีดับไฟเพิ่มเติมด้วย รวมถึงการขอทีมที่เชี่ยวชาญการจัดการสารเคมีเข้าร่วมสนับสนุนการระงับเหตุ ซึ่งได้นำเครื่องมือ เช่น Fire Robots และ Gas Detectors ไปยังจุดเกิดเหตุแล้ว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมจัดส่งกำลังพลจากทุกเหล่าทัพ รวมถึงยานพาหนะ รถดับเพลิง โฟมและสารเคมี ชุดเผชิญเหตุสารเคมี อากาศยานไร้คนขับ รวมทั้งรถพยาบาล พร้อมเจ้าหน้าที่แพทย์สนามและทหารสารวัตร เข้าพื้นที่เสริมการทำงานของจังหวัดสมุทรปราการด้วยแล้ว ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเพิ่มเติมว่าการทำฝนจะไม่เหมาะกับสถานการณ์ระงับเหตุในครั้งนี้ เนื่องจากอาจได้รับผลกระทบจากสารเคมีที่ปนเปื้อนได้ จึงได้สั่งการให้ยกเลิกภารกิจดังกล่าวที่เตรียมการไว้แล้ว

“นายกรัฐมนตรีเสียใจกับการสูญเสียเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เสียชีวิตจากการระงับเหตุในครั้งนี้ ขอให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ พร้อมกับให้ภาครัฐจัดการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทุกคนจากทุกหน่วยงานที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ทั้งการระงับเหตุและช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มความสามารถ และย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องที่พักและอาหารในจุดอพยพต่างๆ รวมทั้งเร่งสำรวจและหาสาเหตุเพลิงไหม้ให้ชัดเจนเมื่อสถานการณ์สงบลงเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป และการเตรียมการต่างๆเพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติได้โดยเร็ว” อนุชา กล่าว

'ประยุทธ์'โพสต์ค่ำสดุดี จนท.ดับเพลิงเสียชีวิต คาดอีกไม่นานคุมเหตุการณ์ได้

ต่อมา เวลาประมาณ 21.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า จากกรณีเพลิงไหม้โรงงานสารเคมีที่ ซ.กิ่งแก้ว 21 จนมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเสียชีวิต 1 นาย และผู้มีบาดเจ็บจำนวนมาก ผมขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต คือ กรสิทธิ์ ลาวพันธ์ และขอสดุดีวีรกรรมของอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ทุกท่านในการเสี่ยงอันตรายเพื่อป้องกันภัยให้กับผู้อื่นในอุบัติเหตุครั้งนี้

"ผมได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ระดมกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์และช่วยเหลือประชาชนและผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ และรายงานสถานการณ์ให้ผมทราบอย่างต่อเนื่อง โดยมีการใช้เฮลิคอปเตอร์โปรยโฟมดับเพลิงจากทางอากาศนำ แล้วตามด้วยการระดมฉีดพ่นโฟมดับเพลิงทางภาคพื้นดิน โดยในขณะนี้ได้รับรายงานว่ามีพื้นที่มีมีเพลิงลุกไหม้เป็นบ่อรวม 2 จุด และสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในวงจำกัดแล้ว 1 จุด และคาดว่าหากเป็นไปตามแผน จะสามารถควบคุมเหตุการณ์ได้ในอีกไม่นาน"

ในขณะนี้ ได้มีการอพยพประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงอันตรายไปยังพื้นที่ปลอดภัยที่จัดไว้อย่างน้อย 8 แห่ง จำนวนรวมมากกว่า 1,800 คนแล้ว และมีการส่งผู้บาดเจ็บ ผู้ป่วย รวมทั้งผู้ติดเชื้อโควิด หรือผู้กักตัว ต่อไปยังโรงพยาบาลต่างๆ

แจงยิบหลายหน่วยงานหนุนภารกิจดับเพลิงไหม้โรงงาน

โดยผมได้รับรายงานว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับกองทัพบก ได้นำอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ KA-32 จำนวน 2 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต 10 นาย พร้อมด้วยรถดับเพลิงชนิดหอน้ำ 1 คัน รถขนย้ายผู้ประสบภัย 1 คน รถดับเพลิงขนาด 10,000 ลิตร 4 คัน รถดับเพลิงพร้อมโฟม 4 คัน รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว 3 คัน ยานยนต์ดับเพลิง LUF 120 จำนวน 1 คัน และ LUF 60 อีก 4 คัน รถไฟฟ้า 200 KVA 2 คัน โฟมเคมี 12,000 คัน เข้าปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้

พล.อ.ประยุทธ์ยังระบุว่า ส่วนหน่วยงานอื่นๆที่เข้ามาสนับสนุนภารกิจอย่างเต็มที่ ดังนี้

- สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร สนับสนุนยานยนต์ดับเพลิง 3 คัน รถกู้ภัยสารเคมีและวัตถุอันตราย 4 คัน รถดับเพลิงและกู้ภัย 38 คัน โฟมดับเพลิง 6,000 ลิตร

- กองบัญชาการกองทัพไทย สนับสนุนรถเคมีโฟม 6,000 ลิตร 1 คัน รถบรรทุกน้ำ 4,000 ลิตร 2 คัน และเครื่องตรวจวัดสารเคมี 2 ชุด

- กองทัพบก สนับสนนโฟมเคมี 20,000 ลิตร พร้อมกำลังพล

- มูลนิธิร่วมกตัญญู สนับสนุนเจ้าหน้าที่ 60 นาย รถยนต์ 30 คัน

- จิตอาสา 904 สนับสนุนเจ้าหน้าที่ 30 นาย

- บริษัท ปตท. สนับสนุนเจ้าหน้าที่พร้อมโฟมเคมี 3,000 ลิตร คลังน้ำมัน P.S.P. สนับสนุนเจ้าหน้าที่พร้อมโฟมเคมี 3,000 ลิตร และคลังน้ำมันบางจาก สนับสนุนโฟมเคมี 20,000 ลิตร

- หน่วยงานกู้ภัยอื่นๆ ร่วมสนับสนุนรถดับเพลิง 30 คัน

"ผมได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการดูแลและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้อย่างเต็มที่ ทั้งการหาที่พักชั่วคราว อาหาร รวมไปถึงการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ให้การเคหะแห่งชาติเตรียมจัดหาที่พักในรูปแบบโรงแรมทางเลือกไว้ให้ ทั้งรูปแบบราคาถูก และไม่มีค่าใช้จ่าย หากท่านใดต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อสายด่วน พม. 1300 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่เบอร์ 065-9513465 หรือสายด่วนนิรภัย 1784" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

มท.1 สั่งการเร่งช่วยเหลือประชาชน เน้นคุมเข้มโควิด

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.) มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติกในซอยกิ่งแก้ว 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ เพื่อประสานการสนับสนุนร่วมกับกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ โดยระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ พร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย รวมทั้งส่งเฮลิคอปเตอร์ KA-32 จำนวน 2 ลำ สนับสนุนการดับเพลิงฯ ซึ่งในขณะนี้ยังคงอยู่ในพื้นที่และปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานและอาสาสมัครที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง 

พล.อ.อนุพงษ์ ระบุว่า ได้เน้นย้ำให้จังหวัดบูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนจิตอาสา ดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นระบบ พร้อมจัดให้มีสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ ที่พักอาศัยประกอบอาหารเลี้ยงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ และให้ความสำคัญมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ซึ่งในขณะนี้ จังหวัดสมุทรปราการได้ตั้งจุดอพยพ จำนวน 8 จุด ได้แก่ 1) อบต.บางพลีใหญ่ 2) วัดบางพลีใหญ่กลาง 3) โรงเรียนคลองบางกระบือ 4) โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์ 5) ศาลพ่อหลวง 6) วัดบางโฉลงใน 7) วัดบางโฉลงนอก และ 8) วัดบางพลีใหญ่ใน 

พล.อ.อนุพงษ์ กำชับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและอาสาสมัครให้ระมัดระวังตนเองในการปฏิบัติงาน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วง ดูแลประชาชนให้กลับสู่ภาวะปกติเร็ว ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลผ่านสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง