ไม่พบผลการค้นหา
สธ.ยืนยันพบผู้ต้องขังชายติดโควิด-19 เป็นดีเจอยู่ร้านสามวันสองคืน สาขาพระราม 3 และพระราม 5 ถือเป็นการติดเชื้อภายในประเทศช่วง 100 วัน

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อม นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค และนพ.เมธิพจน์ ชาตะเมธีกุล ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อ สำนักอนามัย กทม. ร่วมกันแถลงข่าวว่า พบผู้ต้องขังชายอยู่ระหว่างกักกันก่อนเข้าแดนปกติของทัณฑสถานบําบัดพิเศษกลาง ถือเป็นการติดเชื้อภายในประเทศในช่วง 100 วัน

ด้าน พญ.วลัยลักษณ์ ไชยฟู กล่าวว่า ทั้งนี้ได้รับทราบข้อมูลเมื่อวันที่ 2 ก.ย.2563 โดยมีผลการตรวจที่เกิดขึ้นประจำที่ในเรือนจำ โดยแยกกักกันผู้ต้องขังก่อนแยกผู้ต้องขังแรกรับ หลังรับรายงานตรวจสอบห้องปฏิบัติอีกสองแห่ง พบติดเชื้อจริง วันนี้ (3 ก.ย.) ส่งทีม กรมควบคุมโรค สำนักอนามัย กทม. ร่วมกับทีมราชทัณฑ์ พบว่าผู้ต้องขังรายนี้มีอาการป่วยเมื่อวันที่ 29 ส.ค. มีแค่เสมหะ จึงยังไม่ชัดเจน

นอกจากนี้ ยังได้ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง พบอาศัยกับครอบครัวคอนโดบ้านสวนธน บางมด มีเสี่ยงสูงสัมผัส 5 คน ซึ่งได้แยกกักกันแล้ว และพบว่าผู้ติดเชื้อ ทำงานอยู่ร้านสามวันสองคืน เป็นดีเจ สาขาพระราม 3 และพระราม 5 และอีกร้านที่ถนนข้าวสาร ซึ่งจริงๆ อาชีพ เป็นดีเจ อาจไม่ได้สัมผัสผู้อื่น คนที่อยู่ในร้าน มีสวมแมส ไม่ได้สัมผัสไกล้ชิด ไม่ถือเป็นผู้สัมผัส ส่วนที่ศาลพบว่าผู้มีความเสี่ยงประมาณ 20 คน เช่น ทนายความ เจ้าหน้าที่เรือนจำ เพื่อนร่วมรถผู้ต้องหา อาสาสมัครเรือนจำ ทั้งนี้ยังสอบสวนโรคไม่เสร็จสิ้น โดยจะทยอยแจ้งข้อมูลคืบหน้าต่อไป  

ด้าน นพ.เมธิพจน์ กล่าวว่า หลังจากทราบผลการตรวจ ได้ย้ายผู้ป่วยไปรักษาในห้องแยกที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และผู้ที่อยู่ร่วมห้องเดียวกัน 34 ราย และอาสาสมัครนักโทษอีก 2 ราย ซึ่งถือที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอยู่ระหว่างนำไปกักกันที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ทีมสอบสวนโรคได้ติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดในครอบครัว 7 ราย อยู่ระหว่างติดตามตัว 2 ราย ได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจและให้แยกตัวกักที่บ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์บริการสาธารณสุขและสำนักงานเขตในกรุงเทพมหานครติดตามอาการใกล้ชิดทุกวันจนครบ 14 วัน แนะนำการปฏิบัติตัวหากมีอาการผิดปกติ ให้แจ้งที่ 094-3860-051 ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำประมาณ 37 ราย อยู่ในการดูแลของ กรมราชทัณฑ์ร่วมกับกรมควบคุมโรค แนะนำให้แยกกักตัวเอง 14 วันเช่นกัน  

นพ.วีระกิตติ์ กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้ เป็นรายที่ 2 ที่ตรวจพบจากมาตรการที่กรมราชทัณฑ์กำหนด ซึ่งให้ผู้ต้องขังรายใหม่ หรือผู้ต้องขังที่ออกไปข้างนอกต้องแยกกัก 14 วัน โดยมีพื้นที่แยกกักชัดเจน ยืนยันว่าการพบผู้ติดเชื้อครั้งนี้ไม่ได้กระทบไปถึงผู้ต้องขังรายอื่นอีก 8,000 กว่าคนในเรือนจำ ซึ่งเป็นมาตรการที่ดำเนินการในเรือนจำทั่วประเทศ ขอให้ญาติผู้ต้องขัง ผู้ต้องขัง และเจ้าหน้าที่ในเรือนจำได้มั่นใจ ขณะนี้ผู้ติดเชื้อได้ย้ายกักกันในห้องเดี่ยว ที่ตึกแยกเฉพาะไม่ปะปนกับผู้ป่วยอื่น ส่วนอีก 34 ราย ได้แยกไปเฝ้าดูแลเป็นพิเศษจนครบ 14 วัน

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ข่าวสารแก่ประชาชนให้ครบถ้วน ไม่ปกปิด ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด ในช่วงวันหยุดยาวนี้ประชาชนสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติ แต่ต้องเพิ่มการป้องกันส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง ทั้งการสวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ  เว้นระยะห่าง แยกอาหารรับประทาน แยกของใช้ส่วนตัว และขอให้มั่นใจในมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทยที่มีระบบเข้มแข็ง หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

ไทมพ์ไลน์.jpg
  • ลำดับเหตุการณ์สอบสวนโรค : ที่มา สธ.

ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่ากรมราชทัณฑ์ขอรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในเรือนจำ โดยขณะนี้พบผู้ต้องขังชายคดี พรบ.ยาเสพติดให้โทษ อยู่ระหว่างพิจารณา ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 ราย ซึ่งทางทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เป็นผู้รับตัวไว้ เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2563 และเข้ารับการกักกันตัวในห้องแยกโรคตามนโยบายกรมราชทัณฑ์ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

โดยเมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2563 คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เข้าตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 กลุ่มผู้ต้องขังรับใหม่ภายในทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางเป็นประจำทุกประจำสัปดาห์ จึงได้พบว่ามีผู้ต้องขังเข้าใหม่ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 ราย ดังกล่าว พร้อมนี้ นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดี กรมราชทัณฑ์ ได้ลงพื้นที่เพื่อหาสาเหตุการติดเชื้อในผู้ต้องขังรายนี้เป็นการเร่งด่วนแล้ว และได้สั่งการให้ย้ายผู้ติด เชื้อไปเข้ารับการรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ทันที และย้ายผู้ต้องขังที่ได้รับการกักตัวในหอแยกโรคของทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางที่อยู่ในหอนอนเดียวกันไปแยกกักกันโรคต่อจนครบ 14 วัน ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ด้วยเช่นกัน

ซึ่งในวันนี้กรมควบคุมโรคและสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง เข้าสอบสวนโรค และส่งตรวจเลือด กลุ่มผู้ต้องขังที่อยู่หอนอนเดียวกัน จำนวน 34 คน โดยผู้ต้องขังที่พบผลบวก 1 ราย ได้เก็บส่งตรวจเพื่อเพาะเลี้ยงเชื้อโควิด- 19 แยกประเภทเชื้อเป็นหรือเชื้อตาย ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จากการซักประวัติพบว่า ผู้ต้องขังรายนี้ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ ไม่เคยสัมผัสผู้ติดเชื้อก่อนเข้าเรือนจำ ประกอบอาชีพดีเจ ย่านพระราม 3 และ พระราม 5 พร้อมนี้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังได้เข้าตรวจกลุ่มเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ต้องขังดังกล่าวอีกด้วย

พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องขังรายนี้ เป็นผู้ต้องขังรับใหม่เข้ามาอยู่เรือนจำได้เพียง 8 วัน และยังอยู่ระหว่างการแยกกักโรค 14 วัน ตามมาตรการของกรมราชทัณฑ์ มิได้สัมผัสกับผู้ต้องขังเก่าในเรือนจำแต่อย่างใด อีกทั้ง ผลการตรวจดังกล่าวยังไม่สามารถยืนยันว่าผลตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อโควิด- 19 ของผู้ต้องขังรายนี้ เป็นผลบวกต่อเชื้อที่มีชีวิตหรือผลบวกต่อเศษซากเชื้อที่ตายแล้ว หากผลการตรวจเป็นประการใด กรมราชทัณฑ์ จะได้รายงานและแจ้งให้ประชาชนทราบอีกครั้งหนึ่ง และกรมราชทัณฑ์ ยังคงมีมาตรการใน การควบคุมและป้องการการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในเรือนจำอย่างเคร่งครัดต่อไป