ไม่พบผลการค้นหา
ผู้เชี่ยวชาญเผย 'ภูเขาไฟอะนักกรากะเตา' ในอินโดนีเซียทรุดตัวลง ความสูงหายไปถึง 2 ใน 3 หลังเกิดปะทุพ่นควันเถ้าและดินถล่มใต้ทะเล จนเกิดคลื่นสึนามิ ทำประชาชนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากตั้งแต่ 23 ธ.ค.ที่่ผ่านมา

ศูนย์ภูเขาไฟและการบรรเทาสาธารณภัยทางธรณีวิทยาแห่งชาติอินโดนีเซีย (CVGHM) เผยผลสำรวจสถานการณ์ภูเขาไฟอะนักกรากะเตา หลังเกิดเหตุปะทุพ่นควันเถ้าภูเขาไฟและดินถล่มใต้ทะเลเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2561 ทำให้เกิดสึนามิถล่มช่องแคบซุนดา ซึ่งอยู่ระหว่างเกาะชวาและเกาะสุมาตรา 

ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาระบุว่า ภูเขาไฟอะนักกรากะเตามีความสูงลดลง จากเดิม 338 เมตร เหลือเพียง 110 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล โดยส่วนสูงที่หายไปคิดเป็น 2 ใน 3 ของความสูงเดิมก่อนที่จะเกิดเหตุปะทะพ่นควันและดินภูเขาไฟถล่มใต้น้ำทะเล โดยเป็นการประเมินจากภาพถ่ายดาวเทียมและภาพถ่ายทางอากาศ 

จนถึงขณะนี้ ภูเขาไฟอะนักกรากะเตายังพ่นคว้นเถ้าออกมาอย่างต่อเนื่อง

AFP-ภูเขาไฟกรากาตัว-กรากาเตาปะทุจนเกิดสึนามิที่อินโดนีเซีย 23 ธ.ค.2561-ฟ้าผ่าช่องแคบซุนดา.jpg
  • ฝนฟ้าคะนองบริเวณช่องแคบซุนดาหลังเกิดภูเขาไฟปะทุและแผ่นดินไหว
AFP-ภูเขาไฟกรากาตัว-กรากาเตาปะทุจนเกิดสึนามิที่อินโดนีเซีย 23 ธ.ค.2561.jpg
  • เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสึนามิบริเวณช่องแคบซุนดา

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินโดนีเซียยังคงสัญญาณเตือนภัยภูเขาไฟอะนักกรากะเตาไว้ในระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเกิดภัยอันตรายจากสะเก็ดเถ้าภูเขาไฟที่กระจายตัวในอากาศ ซึ่งในทางธรณีวิทยาถือว่าอันตรายกว่าลาวาที่ไหลออกจากปากปล่องภูเขาไฟ เนื่องจากสะเก็ดเถ้าภูเขาไฟพุ่งขึ้นสูงเหนือปากปล่องฯ และอาจมีกรวดหินขนาดใหญ่ปะปนอยู่ด้วย ประชาชนต้องอพยพออกจากพื้นที่ตั้งแต่ระยะประมาณ 1.2 กิโลเมตรรอบภูเขาไฟ

ส่วนสถิติผู้เสียชีวิตจากเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติรอบใหม่ของอินโดนีเซียครั้งนี้ มีจำนวนราว 430 ราย ผู้สูญหายอีกประมาณ 29 ราย บาดเจ็บประมาณ 7,202 ราย และประชาชนอีกกว่า 43,386 รายไร้ที่อยู่อาศัย เพราะบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากสึนามิ

ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การคาดการณ์สึนามิในอินโดนีเซียครั้งนี้แทบไม่มีความเป็นไปได้ เพราะไม่มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นก่อน และต่อให้ระบบเตือนภัยทำงานก็อาจไม่ช่วยให้หน่วยงานรัฐเตือนประชาชนให้อพยพได้ทันเวลา เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วมาก

ที่มา: BBC/ CNN

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: