ไม่พบผลการค้นหา
สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักรายงานผิดกันไปทั่วโลกว่า ผู้ป่วยซึมเศร้าวัย 17 ปีได้รับการการุณยฆาตอย่างถูกกฎหมายในเนเธอร์แลนด์ แต่เ��ื่อนของผู้ตายยืนยันว่า เธอเลือกที่จะงดข้าวงดน้ำเพื่อฆ่าตัวตายเอง

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่า 'โนอา โพโธวา' หญิงสาวชาวดัตช์วัย 17 ปีที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรงและโรคแอนอเร็กเซีย (Anorexia Nervosa) หรือโรคกลัวอ้วนมานานหลายปี ได้รับการการุณยฆาตหรือการฆ่าตัวตายโดยที่แพทย์เป็นผู้ฉีดยาให้อย่างถูกกฎหมายที่คลินิกเลเฟนไซน์เดอ คลินิกเฉพาะทางด้านการการุณยฆาตในกรุงเฮก

ทั้งที่ความเป็นจริง เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา โพโธวาเสียชีวิตที่บ้านของพ่อแม่เธอที่เมืองอาร์เนมของเนเธอร์แลนด์ หลังจากที่เธอตัดสินใจไม่กินข้าวและดื่มน้ำเพื่อฆ่าตัวตาย และไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่ามีแพทย์ช่วยให้เธอฆ่าตัวตายแต่อย่างใด ไม่มีการฉีดยาหรือให้โพโธวาดื่มยาสำหรับการฆ่าตัวตายใดๆ

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า หลายสำนักข่าวภาษาอังกฤษอาจอ่านรายงานข่าวภาษาดัทช์อย่างคร่าวๆ ว่าเธอเคยยื่นเรื่องไปยังคลินิก เพื่อจบชีวิตของตัวเอง จึงนำไปโยงว่าการเสียชีวิตของเธอเป็นการทำการุณยฆาต เพื่อจบชีวิตที่แสนทรมานของเธอ ไม่เช่นนั้นก็อาจแปลผิดหรือแปลตกหล่นไป จากนั้น ก็มีการรายงานต่อกันไปเรื่อยๆ มีการแปลข่าวจากภาษาอังกฤษไปอีกหลายภาษา ข้อมูลที่ผิดเพี้ยนไปปรากฎอยู่ในหน้าสื่อทั่วโลกตั้งแต่ออสเตรเลีย อังกฤษ อินเดีย สหรัฐฯ อิตาลี รวมถึงไทยด้วย

ชีวิตทุกข์ทรมานของโนอา โพโธวา

เมื่ออายุ 11 ปี โพโธวาถูกคุกคามทางเพศที่งานเลี้ยงโรงเรียน และอีก 3 ปีต่อมา เธอก็ถูกชาย 2 คนข่มขืน ความหวาดกลัวและความอับอายทำให้เธอเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แต่เหตุการณ์เหล่านั้นส่งผลให้เธอมีภาวะเครียดจากเหตุการณ์ร้ายแรง (PTSD) ซึมเศร้า และแอนอเร็กเซีย (Anorexia Nervosa) หรือโรคกลัวอ้วนประเภทไม่อยากรับประทานอาหาร ออกกำลังกายอย่างหักโหม จนทำให้น้ำหนักลดลงจนเสี่ยงขาดสารอาหาร

โพโธวาเปลี่ยนบันทึกประจำวันของเธอให้กลายเป็นอัตชีวประวัติและตีพิมพ์ออกมา เพื่อพูดถึงเรื่องต้องห้ามในสังคมอย่างเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ เพื่อให้วัยรุ่นที่มีประสบการณ์คล้ายกันไม่รู้สึกโดดเดี่ยว

ขณะที่โพโธวาพูดถึงการทำชีวิตผู้อื่นให้ดีขึ้น สภาพร่างกายและจิตใจของเธอกลับถดถอย จนเธอโพสต์บนอินสตาแกรมว่า “หลังจากการต่อสู้มานานหลายปี ฉันหมดแรงแล้ว ฉันหยุดกินข้าวและดื่มน้ำมาสักพักแล้ว หลังจากที่ได้พูดคุยและประเมินอาการแล้ว มีการตัดสินใจแล้วว่าจะปล่อยฉันไป เพราะฉันไม่อาจทานทนกับความทุกข์”

นอกจากนี้ เธอยังกล่าวว่าเธออยู่กับความหวาดกลัวที่ทำให้เธอเจ็บปวดทุกวัน และจนถึงวันนี้เธอก้ยังรู้สึกว่าร่างกายของเธอสกปรก “บ้านของฉันเคยถูกบุกรุก ร่างกายของฉันไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก”

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของโพโธวา

จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาชัดเจนว่าโพโธวาเสียชีวิตอย่างไร ไม่มีการประกาศสาเหตุการเสียชีวิตและไม่มีหลักฐานว่ามีการทำการุณยฆาตหรือแพทยานุเคราะหฆาตให้กับเธอ

โดยคลินิกเลเฟนไซน์เดอระบุว่า ไม่สามารถแสดงความเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเป็นนโยบายด้านความเป็นส่วนตัว แต่เพื่อหยุดการรายงานข้อมูลที่ผิด คลินิกได้เผยแพร่แถลงการณ์ของเพื่อนโพโธวา ซึ่งระบุว่า “โนวา โพโธวาไม่ได้เสียชีวิตจากการการุณยฆาต เธอหยุดกินและดื่ม เพื่อหยุดความทรมาน”

แม้เธอจะเคยยื่นเรื่องให้คลินิกเลเฟนไซน์เดอพิจารณาการการุณยฆาตให้เธอเมื่อปี 2017 แต่เธอได้เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์เดอ เคลเดอร์ลันเดอร์เมื่อเดือนธ.ค. 2018 ว่าคลินิกไม่อนุมัติการทำการุณยฆาต เพราะประเมินว่าเธออายุน้อยเกินไป เธอควรเข้ารับการบำบัดจิตใจให้จบก่อน และรอให้สมองของเธอโตเต็มที่เมื่อเธออายุ 21 ปี “ฉันใจสลาย เพราะฉันไม่สามารถรอนานขนาดนั้นได้”

หลังจากการรักษาตัวที่โรงพยาบาลมาแล้วหลายรอบ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โพโธวาตัดสินใจที่จะงดรับการรักษา มีการนำเตียงพยาบาลมาไว้ที่บ้านของพ่อแม่โพโธวา เธอเริ่มงดอาหารและน้ำทั้งหมด แต่พ่อแม่ของเธอยังต้องการให้แพทย์ให้อาหารเธอทางสายยาง จนสัปดาห์ก่อน พ่อแม่ของเธอ รวมถึงแพทย์ตกลงร่วมกันว่าจะไม่บังคับให้อาหารโพโธวาอีกต่อไป เนื่องจากแนวปฏิบัติทางการแพทย์ของเนเธอร์แลนด์ระบุว่า หากผู้ป่วยไม่ยินยอม ผู้ดูแลไม่อาจให้การรักษา พยาบาลหรือดูแลได้ มีเพียงการให้ยากบรรเทาปวดในช่วงไม่กี่วันก่อนที่เธอจะเสียชีวิต เพื่อให้เธอจบชีวิตลงอย่างสงบที่สุดเท่าที่จะทำได้

การุณยฆาต VS. แพทยานุเคราะหฆาต

การุณยฆาต (Euthanasia หรือ Mercy Killing) คือ การทำให้บุคคลเสียชีวิตโดยเจตนา หรือเร่งการเสียชีวิตโดยวิธีการที่ไม่รุนแรงตามคำร้องขอของบุคคลนั้น ซึ่งอาจเป็นการช่วยให้บุคคลนั้นหลุดพ้นจากความทรมานจากการเจ็บป่วย ความพิการหรือเหตุผลอื่นๆ

ส่วนแพทยานุเคราะหฆาต (Physician Assisted Suicide :PAS) คือ การฆ่าตัวตายโดยความช่วยเหลือของแพทย์ โดยแพทย์จะเพียงแต่ให้คําแนะนําในการฆ่าตัวตาย จ่ายยาหรือจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องมือสําหรับการฆ่าตัวตายเท่านั้น แต่บุคคลนั้นจะเป็นผู้กระทําการฆ่าด้วยตนเอง ซึ่งแพทย์จำนวนหนึ่งสนับสนุนวิธีนี้มากกว่าการุณยฆาต เพราะมองว่าการลงมือฉีดยาให้ผู้ป่วยตายด้วยตัวแพทย์เอง จะสร้างความกระทบกระเทือนทางจิตใจให้กับแพทย์

หลายประเทศที่อนุญาตให้การุณยฆาตและแพทยานุเคราะหฆาตถูกกฎหมาย มักให้เหตุผลว่า พลเมืองมีสิทธิในการกำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง นอกจากนี้ ทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและเสียชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีด้วยเช่นกัน


ที่มา : The Guardian, BBC


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :