ไม่พบผลการค้นหา
กลุ่มดรีมเมอร์ไทย ชนะคดีหลังยื่นฟ้องรัฐบาลทรัมป์กรณียกเลิกโครงการ DACA ที่ให้การคุ้มครองทางกฎหมายแก่คนหนุ่มสาวผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายพร้อมครอบครัวเมื่อยังเยาว์วัย ไม่ให้ถูกส่งตัวออกนอกประเทศ

18 มิ.ย.2563 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ คณะตุลาการศาลสูงสหรัฐฯ ปฏิเสธคำร้องของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้ยุติโครงการ DACA (the Deferred Action for Childhood Arrivals) ซึ่งเป็นโครงการคุ้มครองทางกฎหมายแก่เยาวชนที่อพยพเข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมายพร้อมครอบครัวในวัยเยาว์ โดยคณะตุลาการมีมติ 5 ต่อ 4

คำแถลงของจอห์น โรเบิร์ต หัวหน้าคณะตุลาการศาลสูงสหรัฐฯ ระบุว่า คณะตุลาการฯปฏิเสธที่จะชี้การยุติโครงการนี้ถูกหรือผิดกฎหมาย แต่พิจารณาว่าหน่วยงานของรัฐ ซึ่งในที่นี้คือ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ (Department of Homeland Security) ไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนและให้คำอธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผลเพียงพอในการยุติโครงการดังกล่าว 

'จิรายุทธ ลัทธิวงศกร' ว่าที่นายแพทย์เชื้อสายไทยในสหรัฐฯ หนึ่งในกลุ่มดรีมเมอร์ที่ร่วมยื่นฟ้องรัฐบาลทรัมป์กล่าวว่า นี่เป็นชัยชนะแรกที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ทรัมป์ก้าวเข้ามาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ 

"เราชนะในวันนี้เพราะว่าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย (undocumented immigrant) ครอบครัว และพันธมิตรผู้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเรื่องนี้ We fought for this (เราต่อสู้กันมาเพื่อสิ่งนี้)...เมื่อสองสามเดือนที่แล้ว ที่มีเรื่องการระบาดของโควิด-19 ก็แสดงให้ว่ามี (ผู้เข้าร่วมโครงการ DACA) กี่พันกี่หมื่นคนที่เป็น essential worker (คนทำงานที่ขาดไม่ได้) ในภาคเกษตร หรือในซูเปอร์มาร์เก็ต หรือเป็นหมอ เป็นพยาบาล เป็น paramedic มีคนหลายคนมากที่ช่วยแบ่งปันเรื่องของตัวเองว่าการเป็น DACA คืออะไร และมันไม่ได้ง่าย แต่เพราะทุกคนช่วยกัน เราถึงมาถึงจุดนี้ได้" จิรายุทธกล่าว

โครงการ DACA เป็นโครงการที่อดีตประธานาธิบดีโอบามาเป็นผู้ประกาศบังคับใช้ โดยให้เหตุผลว่าเด็กและเยาวชนเหล่านี้เติบโต เรียนหนังสือ และใช้ชีวิตในอเมริกา ไม่ต่างจากคนอเมริกันทั่วไป เพียงแต่พวกเขาไม่มีเอกสาร หรือวีซ่า

ในขณะที่รัฐบาลของทรัมป์ มองว่า DACA เป็นโครงการที่ผิดกฎหมาย เพราะโอบามาประกาศใช้ตามอำเภอใจ โดยไม่ผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภา รัฐบาลทรัมป์ยังอ้างว่า DACA เป็นโครงการที่กระตุ้นให้มีเด็กและเยาวชนลักลอบเข้าอเมริกาผิดกฎหมายมากขึ้น และแย่งงานไปจากชาวอเมริกัน

ที่มา VOA / CNN