ไม่พบผลการค้นหา
รัฐสภาเริ่มถกร่าง รธน. ฉบับแก้ไข ‘เพื่อไทย’ ชูแก้ ม.159 ม.170 ที่มานายกฯ ต้องเป็น ส.ส.เท่านั้น ย้ำเจตนารมณ์มาจากสมาชิกรัฐสภา ‘สมชัย’ ขอตัดอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ หวังกู้ภาพลักษณ์เป็นกลางทางการเมือง ไม่อยู่ใต้อาณัติพรรคใด ชี้เป็นทางออกประเทศ ขณะที่ ส.ว.กิตติศักดิ์ ประท้วง ‘รังสิมันต์ โรม’ ปมพาดพิงแก๊ง ส.ว. มีแต่เพื่อน 2 ป. บานปลายอัดไม่ใช้หนี้ กยศ. เจอ ‘พรเพชร’ เตือนถ้าวุ่นอีกเชิญ ‘กิตติศักดิ์’ ออกห้องประชุม

วันที่ 6 ส.ค. 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา พิจารณาวาระร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน 5 ฉบับ ประกอบด้วย แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 43 เพิ่มมาตรา 25 วรรคห้า แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 29 เพิ่มมาตรา 29/1 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 34 มาตรา 44 มาตรา 45 มาตรา 47 และมาตรา 48 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 159 วรรคหนึ่ง และมาตรา 170 วรรคสอง ซึ่งพรรคเพื่อไทยเป็นผู้เสนอ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 272 ซึ่ง สมชัย ศรีสุทธิยากร กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 64,151 คน เป็นผู้เสนอ และ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 120 ซึ่งพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้เสนอ โดยเป็นการพิจารณาในวาระที่หนึ่ง ขั้นรับหลักการ

ก่อนการประชุม ศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ขอถอนญัตติเสนอร่างฯ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 120 ซึ่งพรรคภูมิใจไทยเป็นผู้เสนอออกจากระเบียบวาระการประชุม เพื่อให้มีการปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมต่อกาลเทศะ ซึ่งที่ประชุมไม่ขัดข้อง ทำให้ร่างฯ ที่จะพิจารณาเหลือเพียง 4 ฉบับ

เพิ่มสิทธิเสรีภาพบุคคล-ชุมชน

จากนั้น ประธานการประชุมได้ให้ผู้เสนอร่างฯ ได้อภิปรายหลักการและเหตุผลของการแก้ไขเพิ่มเติม เริ่มจากร่างฯ ของพรรคเพื่อไทย 3 ฉบับ คือ สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ขอให้สมาชิกฯ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 43 เพื่อให้มาตรการเกี่ยวกับสิทธิชุมชนและสิทธิบุคคลมีความชัดเจน เป็นธรรมต่อประชาคม 

ขณะที่ วิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้เสนอแก้ไขมาตราเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะหลักเกณฑ์ในการตัดสินคดี ควรมีสิทธิประกันตัวก่อนศาลจะมีคำพิพากษาเป็นที่สุด เช่น คดีการชุมนุมจำนวนมาก มีการใช้ดุลยพินิจของผู้พิพากษาเกินความจำเป็นในการไม่อนุมัติคำสั่งประกันตัว จนไม่เป็นธรรมต่อประชาชนเพราะไม่ได้ใช้ข้อกฏหมาย จึงควรแก้ไขเพิ่มเติมราว 10 มาตราดังที่เสนอไว้ในร่างฯ 

ชลน่าน ประชุมรัฐสภา แก้ไขรัฐธรรมนูญ -0843163104C3.jpeg

’เพื่อไทย’ ดันแก้นายกฯ ต้องมาจาก ส.ส.

จากนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงหลักการและเหตุผลของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 วรรคหนึ่ง และมาตรา 170 วรรคสอง ประเด็นเรื่องที่มาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้ ส.ส.ให้ความเห็นชอบบุคคลในการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ได้มีการกำหนดคุณสมบัติว่าต้องเป็น ส.ส. ถือว่าไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่ผ่านๆ มาที่นายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส. จึงจำเป็นต้องเพิ่มรายละเอียดดังกล่าวขึ้นมา 

โดยการแก้ไขนี้ยังคงสาระเดิม คือ ให้พรรคการเมืองเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีได้ไม่เกิน 3 ชื่อและต้องได้รับความยินยอมจากคนที่ถูกเสนอชื่อ แต่คนที่ได้รับการเสนอชื่อนี้ต้องได้รับความมั่นใจว่าจะเป็นผู้แทนราษฎร ซึ่งไม่ได้กำหนดว่าจะต้องเป็น ส.ส.เขตหรือ บัญชีรายชื่อ ต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับก่อนที่จะต้องมาจากลำดับที่ 1 ของบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง

“การระบุให้ชัดแบบนี้มีความจำเป็นจริงๆ ในรัฐธรรมนูญ การแก้ไขเพิ่มเติมในมาตรานี้ เจตนารมณ์จะถูกเขียนโดยใคร เพื่อเอาไปใช้ต่อในโอกาสหน้าหากมีการถกเถียงว่าไม่ชัดเจน ไม่ใช่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ไม่ใช่ใครที่ไหน คือพวกเราตรงนี้เอง ดังนั้นคำอภิปราย ความคิดเห็นของพวกเราทุกคน คือเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้เลย” นพ.ชลน่าน กล่าว

ประชุมรัฐสภา แก้ไขรัฐธรรมนูญ สมชัย ณัฏฐา -C9B2-43CB-A9F3-F8FC27C923A5.jpeg

ขอแก้ ม.272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ ให้ ส.ส.โหวต

จากนั้น สมชัย ศรีสุทธิยากร ในฐานะคณะรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เปลี่ยนแปลงอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี แถลงหลักการและเหตุผลของการแก้ไข โดยระบุว่า การริเริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญมาจากเจตนารมณ์ของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และได้รวบรวมรายชื่อทางเว็บไซต์ทุกอย่างเป็นไปตามกติกา และได้รับเสียงตอบรับอย่างดี จนครบ 50,000 ชื่อ ในเวลาเพียง 3 วันเศษ จากนั้นได้เดินสายพบพรรคการเมืองต่างๆ ที่ให้การสนับสนุน เพราะเห็นว่าถึงเวลาที่ต้องคืนอำนาจอธิปไตยให้กับประชาชน

สำหรับการแก้ไขนั้น ขอตัดเพียงข้อความทั้งหมดในวรรคแรกของ มาตรา 272 ออกไป เกี่ยวกับกรณีที่รัฐสภาไม่สามารถเลือกนายกฯ จากรายชื่อในบัญชีของพรรคการเมืองได้ และเปลี่ยนแปลงเป็นใช้มติในการเลือกของสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น และยกเลิกการให้ ส.ว.เป็นผู้เลือก และยังคงกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีจากคนนอกได้เหมือนเดิม หากมีเหตุจำเป็น โดยตนถือว่าเป็นทางออกของประเทศไทย เพราะจะทำให้ ส.ว. ยังมีความเป็นกลางทางการเมือง ไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด

“เราเห็นว่า ส.ว.ทุกท่าน เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีความรู้ การอภิปรายแต่ละครั้งของท่านในที่ประชุม ผมเฝ้าตามตลอด ล้วนแต่เป็นประโยชน์และคุณค่าต่อสังคมไทยทั้งสิ้น แต่เมื่อท่านมีอำนาจเลือกนายกฯ แล้ว ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าท่านมีความไม่เป็นกลางทางการเมืองเกิดขึ้น เพราะเมื่อใดก็ตามที่ท่านเลือกคนของพรรคใดพรรคหนึ่งเป็นนายกฯ ประชาชนจะเข้าใจว่าท่านค่อนข้างมีแนวโน้มจะสนับสนุนพรรคการเมืองนั้น” สมชัย กล่าว

บุญส่ง -348D-42DD-AC73-B11209F17C64.jpeg

ขณะที่ บุญส่ง ชเลธร ในฐานะผู้ชี้แจงการแก้ไขมาตรา 272 อภิปรายว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ไม่ได้สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาธิปไตยเท่าที่ควรเป็น และได้ใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้มา 5 ปีแล้ว ซึ่งกำลังจะมีการเลือกตั้งใหม่ในเร็วๆ นี้ ล้วนได้เห็นแล้วว่าสร้างความเสียหายให้ประเทศชาติมากแค่ไหน จึงขอให้แก้ไขมาตรานี้เพียงประเด็นเดียว เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนว่าเรายังเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย

’รังสิมันต์’ ฉะ 250 ส.ว. มีแต่แก๊งเพื่อน ‘ประยุทธ์-ประวิตร’

จากนั้น รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในหมวดที่ 3 ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ที่มีการเสนอเข้ามาในประเด็นต่างๆ เช่น การประกันตัวที่ต้องได้รับการพิจารณาอย่างรวดเร็ว การคุมขังระหว่างการพิจารณาคดี หากไม่ได้มีโทษร้ายแรงต้องไม่เกิน 1 ปีเท่านั้น ให้โอกาสจำเลยในการสู้คดี เป็นต้น

“ในเมื่อที่ผ่านมาพวกเราในสภา และพี่น้องประชาชน ได้เตือนรัฐบาลนี้ วิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอำนาจในสังคมนี้ ไปจนถึงประณาม จนไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาใช้ได้อีกแล้ว พวกเขายังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ยังหาทางมาละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างหน้าไม่อาย ดังนั้น ในฐานะนิติบัญญัติ ผมขอใช้อำนาจที่ตัวเองมี ในการแก้ไขประเด็นนี้” รังสิมันต์ กล่าว

รังสิมันต์ ยังมองว่าการเสนอแก้ไขที่มาของนายกรัฐมนตรีให้มาจากบัญชีรายชื่อของ ส.ส.นั้น เปรียบเหมือนหลักการที่นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้งดังที่รัฐธรรมนูญ ฉบับ 2540 ได้บัญญัติไว้ พรรคก้าวไกลสนับสนุนหลักการนี้มาตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ ว่านายกฯ ต้องมาจาก ส.ส. ไม่ใช่มาจากใครบางคนที่เกลียดการเลือกตั้ง แต่ก็หวังอยู่ในอำนาจต่อโดยดูดเอาผู้มีอิทธิพลกลุ่มต่างๆ ในสร้างคะแนนเสียงให้ตนเอง

ทั้งนี้ รังสิมันต์ ยังกล่าวถึงร่างฯ ที่ประชาชนเข้าชื่อกันมากว่า 6 หมื่นรายชื่อ โดยมองว่า เนื้อหาไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแค่ยกเลิกข้อความที่กำหนดให้ ส.ว.ซึ่งมาจากการคัดเลือกของ คสช. ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีส่วนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถสืบทอดอำนาจ และเมื่อสังคมวิจารณ์ว่า ส.ว.ชุดนี้ ไม่ได้ยึดโยงจากการเลือกของประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ปกป้องโดยอ้างว่า มี ส.ว. ถึง 50 คน ที่เลือกมาจากผู้สมัครในแต่ละอำเภอ

“พล.อ.ประยุทธ์ ช่างกล้าจริงๆ ที่เอา ส.ว. แค่ 50 จาก 250 คน คิดเป็น 20% มาอ้างว่า ส.ว.ชุดนี้ เป็นประชาธิปไตยแล้ว ในขณะที่อีก 80% คสช. จิ้มมาเองล้วนๆ แน่นอนว่ามีทั้งแก๊งโรงเรียนเตรียมทหาร (ตท.) รุ่น 12 เพื่อน พล.อ.ประยุทธ์ 21 คน แก๊ง ตท. รุ่น 6 เพื่อน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 5 คน รวมไปถึงแก๊งเพื่อนพ้องน้องพี่อีกสารพัดคณะที่เคยร่วมงานกับ คสช. ถึง 157 คน” รังสิมันต์ กล่าว

โรม’ ยัน ใช้หนี้ กยศ. หมดแล้ว

ขณะนั้น กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ลุกประท้วง รังสิมันต์ พร้อมขอให้ถอนคำว่า แก๊งโน้นแก๊งนี้ ก่อนวิจารณ์คนอื่นขอให้ดูตัวเองบ้าง หนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ยังไม่ใช้เลย ขอให้สำเหนียกตนเองบ้างว่าเป็น ส.ส.ที่คะแนนปัดเศษมา

ทำให้ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ซึ่งเป็นประธานการประชุม เตือน กิตติศักดิ์ ไม่ควรต่อล้อต่อเถียงด้วยประเด็นอื่น วันนี้เป็นเพียงวันแรก ขอให้เจ๊ากันไป แต่ กิตติศักดิ์ ยืนยันว่าให้ถอน ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถอภิปรายต่อได้

รังสิมันต์ ชี้แจงเนื่องจาก กิตติศักดิ์ ใส่ความเท็จ พร้อมถามว่าคำว่า “แก๊ง” ทำให้ผู้ใดเสียหาย

’พรเพชร’ เตือน ‘กิตติศักดิ์’ ป่วนอีกเจอเชิญออก

พรเพชร จึงขอความร่วมมือให้ รังสิมันต์ ลดความรุนแรงของคำพูดลง ส่วน กิตติศักดิ์ ตนขอให้ถอนคำเสียดสีเมื่อครู่ มิเช่นนั้นประธานฯ จะไม่ยอมให้ กิตติศักดิ์ อภิปรายต่ออีก

ในเมื่อ กิตติศักดิ์ ยืนยันไม่ยอมถอนคำพูดที่ว่า รังสิมันต์ ไม่ชำระหนี้ กยศ. พรเพชร จึงไม่อนุญาต กิตติศักดิ์ อภิปรายอีก พร้อมระบุว่า ถ้ายังพูดอีกก็จะเชิญออกจากห้องประชุม ถือว่าเป็นการลงโทษแล้ว พร้อมขอความร่วมมือไม่ให้มีการประท้วงกันอีก เนื่องจากกำลังราบรื่น

รังสิมันต์ ชี้แจงในข้อที่ทำให้เข้าใจผิดอย่างต่อเนื่องว่าตนไม่ได้ชำระหนี้ กยศ. โดยระบุว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยเบี้ยวหนี้ ได้ชำระหนี้มาทุกนัด แม้ก่อนหน้านี้ตนมีฐานะยากจน กระทั่งตนได้เป็น ส.ส. ก็ชำระหนี้สืบต่อมา จนบัดนี้ไม่เหลือหนี้ กยศ. แม้แต่บาทเดียว หากมีการกล่าวหาเช่นนี้กันนอกสภา ตนจะฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่ง พรเพชร รับทราบและจำได้แม่นแล้ว หากมีการโจมตีประเด็นนี้อีก จะห้ามทันที