ไม่พบผลการค้นหา
'เทพไท' เสนพงศ์ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ชี้ความนิยมของธนาธรมาจากการที่ผู้คนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ซัดรัฐปรหาร 2557 ทำเสียของเพราะล้มล้างระบอบทักษิณไม่ได้

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ facebook live แสดงความเห็นถึงผลสำรวจของนิด้าโพล เกี่ยวกับคะแแนนนิยมการเป็นนายกรัฐมนตรีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งแซงหน้า พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นายเทพไท ระบุว่า หลายคนในสังคมคงรู้สึกแปลกใจ และตั้งคำถามกับตัวเองว่า ประเทศไทยเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ต้องยอมรับความจริงว่า กระแสของสังคมที่มีต่อนายธนาธรยังคงร้อนแรงอยู่ โดยใช้การขับเคลื่อนผ่านสังคมโซเชียลมีเดีย ยิ่งตราบใดที่ผู้คนในสังคมมีความรู้สึกว่านายธนาธร หรือพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมากเท่าไหร่ กระแสความเห็นใจและสนับสนุนนายธนาธร หรือพรรคอนาคตใหม่มีเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น

นายเทพไท กล่าวต่อว่า ยิ่งตอนนี้นายธนาธรไม่ได้เป็น ส.ส. ก็เหมือนกับการปิดกั้นการเคลื่อนไหวภายในสภา เป็นโอกาสที่จะสร้างความชอบธรรมให้นายธนาธรเคลื่อนไหวนอกสภาได้อย่างเต็มที่ เห็นจากปรากฎการณ์ของแฟลซม็อบ หรือการเคลื่อนไหวในเทศกาลปีใหม่กับกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ต่างๆ แล้วใช้สื่อโซเชียลกระพือข่าว ทำให้กระแสความนิยมยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ในที่บทบาทและท่าทีของพล.อ.ประยุทธ นายเทพไท มองว่า ยังติดกับดักกับการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ การลงพื้นที่สถานีขนส่งหมอชิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ก็เกิดภาพการแสดงถึงความเบื่อหน่ายของผู้หญิงคนหนึ่งต่อ พล.อ.ประยุทธ และสื่อโซเชียลก็นำไปขยายผลในด้านลบ จึงทำให้ภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประยุทธก็ลดลงโดยปริยาย ทั้งนี้ ไม่ได้นับรวมถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่ประชาชนคนส่วนใหญ่กำลังประสบปัญหาปากท้องอยู่ในขณะนี้ เกิดภาพเลิกจ้างแรงงานจากโรงงานต่างๆ คนงานตกงาน ดัชนีการส่งออกลดลง อุตสาหกรรมรถยนต์ย้ายฐานผลิตออกจากประเทศไทย คนฆ่าตัวตายด้วยพิษเศรษฐกิจแบบรายวัน ปัญหาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่บั่นทอนความนิยมในตัวของพล.อ.ประยุทธแทบทั้งสิ้น

เขาย้ำด้วยว่า การที่กระแสความนิยมของนายธนาธรผงาดขึ้นมาเป็นคู่แข่ง และแซงหน้าพล.อ.ประยุทธไปได้นั้น ต้องตั้งคำถามกับ คสช.แบบดังๆ ว่า 5 ปีที่ผ่านมาภายใต้การบริหารประเทศแบบเบ็ดเสร็จ คสช. ได้ใช้อำนาจรัฐาธิปัตย์ หรือ ม.44 แก้ปัญหาของประเทศอะไรได้บ้าง จากระบอบทักษิณที่เป็นปัญหาของประเทศ คสช. ได้ล้มล้าง หรือจัดการได้สิ้นซากหรือไม่ หรือเป็นเพียงการฮั้วทางอำนาจเพื่อความอยู่รอดของ คสช. ข้อสงสัยในสังคมก็คือ กรณี คสช.ปล่อยให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีคำพิพากษาของศาลยุติธรรม ออกนอกประเทศไปได้อย่างไร ถ้า คสช.คิดว่าอำนาจในระบอบทักษิณกำลังจะหมดไป แต่อย่าลืมว่า อำนาจใหม่ของคนรุ่นใหม่ที่เคลื่อนไหวผ่านสังคมโซเชียลมีเดีย ภายใต้การบริหารจัดการของพรรคอนาคตใหม่ จะรุนแรงและเข้มแข็ง ทรงพลังมากกว่าอีกหลายเท่า

“แม้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะมาจากการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงก็คือเป็นผลิตจาก คสช. จึงทำให้คนส่วนใหญ่ที่ยึดหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงยอมรับไม่ได้ จากความคาดหวังของสังคมที่ต้องการเห็น คสช. มาแก้ปัญหาความขัดแย้งของประเทศ แต่ คสช. กลับมาทำตัวเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง ในอดีตที่ผ่านมาเมื่อ ปี 2549 การยึดอำนาจของ คมช. เป็นการรัฐประหารเสียของ และมาถึงปี 2557 การยึดอำนาจของ คสช.ยิ่งกว่าการเสียของ เพราะทำให้หลายคนเสียคนไปแล้ว” เทพไทกล่าว

ส่วนผลการสำรวจของนิด้าโพล ที่พูดถึงความนิยมของประชาชนต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตนั้น เทพไท ระบุว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีทั้งๆ ที่นายอภิสิทธิ์ได้ลดบทบาททางการเมืองไปนานแล้ว แต่ความเป็นนักการเมืองมือสะอาด มีความซื่อสัตย์สุจริตยังเป็นอมตะอยู่ ซึ่งในสังคมไทยยังยึดถือความซื่อสัตย์สุจริตของนักการเมืองเป็นอันดับต้นๆ รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยจะอยู่หรือไป ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 ประการนี้

1.ความซื่อสัตย์สุจริตของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีและบริวารคนรอบข้าง

2.ความสามารถในการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ถ้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจล้มเหลวก็จะพบกับจุดจบเร็วขึ้น

3.ความมีเสถียรภาพของรัฐบาล ความสามัคคีในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน เพราะฉะนั้นรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธก็เช่นเดียวกัน จะบริหารประเทศได้นานแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับ3ปัจจัยนี้เท่านั้น