ไม่พบผลการค้นหา
ผู้นำเกาหลีใต้มองการณ์ไกล ทุ่ม 2.2 ล้านล้านวอน ตั้งเป้า 1 ใน 5 ฮับผลิตวัคซีนโควิดรายใหญ่ของโลก

มุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เปิดเผยในการประชุมคณะกรรมการภาครัฐและเอกชนว่า รัฐบาลมีแผนการลุงทุนมูลค่า 2.2 ล้านวอน หรือราว 63,800 ล้านบาท เพื่อมุ่งมั่นให้เกาหลีใต้กลายเป็น 1 ใน 5 ชาติ ของฐานการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 รายใหญ่ที่สุดของโลกภายในปี 2568 

ผู้นำเกาหลีใต้ชี้ว่า ด้วยสถาการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่เชื่อว่าไวรัสยังคงอยู่และมีอิทธิพลเหนือชีวิตของมนุษย์โลกไปอีกนานหลายปี ดังนั้นการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 จึงควรเป็นหนึ่งในสามเทคโนโลยีเชิงยุทธศาสตร์ระดับชาติที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ นอกเหนือจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์ เพื่อยกระดับการลงทุน การลดหย่อนภาษี และสร้างแรงจูงใจในการให้บริษัทต่างๆที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซอุปทานของการผลิตวัคซีน สามารถนำเข้าวัตถุดิบ ชิ้นส่วน หรือเครื่องมือเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของอุตสาหกรรมผลิตยาและวัคซีนในประเทศได้

ผู้นำเกาหลีใต้ยังระบุว่า หากทุกฝ่ายร่วมมือกันผลักดันอย่าแข็งขัน เกาหลีใต้จะสามารถขึ้นเป็นหนึ่งในห้า ชาติผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รายใหญ่ของโลกภายในอีก 5 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกันเกาหลีใต้จะขยายความร่วมมือระหว่างประเทศชาติพันธมิตรผู้พัฒนาวัคซีนอาทิ เยอรมนี สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา รวมถึงการขยายให้บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในเกาหลีใต้

อนึ่ง ก่อนหน้านี้มีรายงานว่ารัฐบาลเกาหลีใต้เปิดการเจรจากับบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา เพื่อขอตั้งฐานการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ใช้เทคโนโลยี mRNA ภายในประเทศ โดยยืนยันความพร้อมที่จะผลิตวัคซีนได้ถึง 1,000 ล้านโดสในทันที

หากการเจรจาประสบผลสำเร็จ จะช่วยสานฝันของเกาหลีใต้ในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลก ทั้งยังช่วยลดปัญหาวัคซีนโควิด-19 มีไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ก่อนหน้านี้บริษัทยาในเกาหลีใต้ได้เป็นฐานการผลิตวัคซีนให้กับผู้ผลิตราย 3 สามแห่งแล้วคือ แอสตร้าเซนเนก้า , โนวาแวกซ์ และเป็นฐานแบ่งบรรจุวัคซีนให้กับโมเดอร์นา

สำหรับเกาหลีใต้ หน่วยงานด้านควบคุมโรค หรือเคดีซีเอ เปิดเผยว่าว่า เกาหลีใต้ดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในเข็มแรกให้แก่ประชาชนแล้วร้อยละ 39 และฉีดวัคซีนครบสองโดสได้ร้อยละ 14 จากประชากรทั้งหมด 52 ล้านคน แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ล่าช้าหากเทียบกับกลุ่มประเทศรายได้สูงอื่นๆ อาทิ อังกฤษ หรือ สิงคโปร์ ที่ประชากรส่วนใหญ่เกินร้อยละ 70 เข้าถึงวัคซีนโดสแรกแล้ว