ไม่พบผลการค้นหา
"เพื่อไทย" ชี้ 3 ทางออกดึงเงินจากการท่องเที่ยวเข้าประเทศ แนะถอนตัวหากรัฐบาลยังเห็นกองทัพสำคัญกว่าประชาชน

การอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วันสุดท้าย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.จังหวัดขอนแก่นพรรคเพื่อไทย มองว่า การจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลยังไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เห็นความสำคัญ ไม่เห็นปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่กำลังเกิดขึ้นและที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีหน้านี้หลายองค์กรต่างๆไม่ว่าจะ IMF หรือว่าหลายๆองค์กรที่ออกมาประมาณการว่าเกือบทุกประเทศในโลกจะมีสภาวะชะงักงัน จากผลกระทบของสงครามการค้า

โดยประเทศหลักๆที่เป็นตลาดท่องเที่ยวของประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นจีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นหรือประเทศในเครือ EU จะได้รับผลกระทบอย่างสาหัสรัฐบาลและรัฐมนตรีการท่องเที่ยวจะต้องตีโจทย์ให้ได้ว่าจะดำเนินการยังไงกับสถานการณ์นี้ และอีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญที่สุดเรื่องการแข่งขันที่ดุเดือดกับเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม หรือ กัมพูชารัฐบาลทราบหรือไม่ว่า นักท่องเที่ยวจีนทั้งหมด ที่เราเข้าใจและภูมิใจว่านิยมมาเมืองไทย ประเทศได้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมดเพียง 7 เปอร์เซ็นต์แต่ในเวลาเดียวกันเวียดนามเขาได้นักท่องเที่ยวจีนไป 22 เปอร์เซ็นต์ 

สำหรับประเทศไทย มีอุปสรรคหลายอย่างที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่เข้าประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวีซ่าเรื่องความปลอดภัยหรือค่าเงินบาทที่แข็งตัว รัฐบาลเคยทำอะไรกับเรื่องนี้หรือไม่ เคยคุยกับแบงก์ชาติหรือไม่ในเรื่องเงินบาทแข็งค่า ความ amazing thailand ที่เราเคยภาคภูมิใจตอนนี้ในสายตานักท่องเที่ยวมีคำถามเต็มไปหมดว่า ทหารยังครองเมืองอยู่หรือไม่ ไทยแลนด์ยังอันตรายอยู่หรือไม่ ยังปลอดภัยอยู่หรือเปล่า 

"อุบัติเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ว่าท่านจะเลี้ยงข้าวเหนียวมะม่วงแล้วเขาจะกลับมานะคะ เพราะฉะนั้นความมั่นใจความน่าเชื่อถือของประเทศไทยตอนนี้เป็นวิกฤตในสายตานักท่องเที่ยว" 

นางสาวสรัสนันท์ ได้เสนอ 3 แนวทางแก้ปัญหา ไปยังรัฐบาล คือ ต้องลดปัจจัยที่เป็นอุปสรรคของการเข้าประเทศ เช่น วีซ่าหน้าด่านถ้าเป็นไปได้ท่านยกเลิกได้หรือไม่เพราะว่าหลายๆประเทศที่เป็นนักท่องเที่ยว ที่นิยมมาประเทศไทย เช่น จีน หรือว่าอินเดีย นักท่องเที่ยวเหล่านี้มีจำนวนมาก และที่สำคัญเขามีอุปสรรคในการเข้าประเทศคือการต้องขอวีซ่า

แต่หากรัฐบาลมีปัญหาหรือว่ากังวลใจเรื่องความมั่นคง สามารถใช้วีซ่าหลายแบบได้ ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าแบบระยะยาวที่สามารถเข้าออกได้หลายครั้งหลายประเทศก็ทำ เช่นจีน สหรัฐอเมริกาหรือว่าในเครือ schengen เพื่อเพิ่มความถี่ให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้มากขึ้นและสะดวกสบายมากขึ้น ที่สำคัญถ้าทำวีซ่าระยะยาวจะทำให้เพิ่มรายได้เข้าประเทศได้

สุดท้ายขอเสนอว่าจะต้องมีงบลงทุนสร้างสถาปัตยกรรมต่างๆเพื่อเป็นจุดท่องเที่ยวใหม่ๆจะสามารถกระจายไปหลายๆ พื้นที่เช่นภาคอีสานที่ชาวบ้านมีแต่รายรับจากภาคการเกษตรอย่างเดียว อย่างไรก็ตามถ้ารัฐบาลไม่รู้ว่าจะพัฒนาเศรษฐกิจอย่างไร ไม่รู้ว่าจะแก้ไขเศรษฐกิจอย่างไรให้มันดีขึ้นควรถอนตัว เพราะตราบใดที่ยังเห็นกองทัพสำคัญกว่าปากท้องของพ่อแม่พี่น้องประชาชนท่าน ทั้งหลายก็ไม่ควรเป็นรัฐบาล

ชี้รัฐแจกอย่างเดียว ไม่สร้างโอกาสให้ประชาชน

นางสาวชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย อภิปรายโดยระบุว่าจากการศึกษาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ เกิดคำถามในใจ ว่านายกรัฐมนตรีผู้นำรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจากการปฏิวัติตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และได้บริหารประเทศยาวนานต่อเนื่องมาตลอด 5 ปี จะจัดสรรงบประมาณสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมได้จริงหรือไม่ 

รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณรายจ่าย ปี 2563 ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคสูงถึง 7.6 แสนล้านบาทหรือประมาณ 23.9 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณทั้งหมด แต่รัฐบาลนี้ติดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรกเพราะไม่ได้คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทย ตั้งสมมติฐานว่าคนไทยนั้นโง่และขี้เกียจจึงมีแต่นโยบายที่แจกแต่ไม่เคยคิดที่จะสร้างโอกาสให้ประชาชน

"ในเวลาที่ได้ออกเยี่ยมเยียน พี่น้องประชาชน มักได้รับฟังคำถามจากพี่น้องประชาชนเสมอว่าเมื่อไรจะได้รับบัตรคนจน เมื่อไรเงินคนแก่จะโอนมา เมื่อไหร่เงินคลอดลูกจะได้ ไหนว่ารัฐบาลจะช่วย" 

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จะสามารถใช้งบประมาณแผ่นดินเปลี่ยนความคิดของพี่น้องประชาชนคนไทยได้มากมายขนาดนี้ ไม่สร้างโอกาสใหม่ ยังไม่พอแต่ยังทำลายโอกาสเดิมด้วยสามารถเปลี่ยนความคิดของพี่น้องประชาชนคนไทยให้กลับไปรอคอยความช่วยเหลือจากเงินสวัสดิการภาครัฐ เราเคยมีนโยบายกองทุนหมู่บ้าน กองทุนหมู่บ้านเราใช้จ่ายงบประมาณแค่ครั้งเดียวโอนไปแค่ครั้งเดียว ใช้น้อยแต่เกิดประสิทธิผลสูง

เงินงบประมาณจะโอนตรงไปให้พี่น้องประชาชน พี่น้องประชาชนในพื้นที่ เขาจะคิดเองว่าเงินกองทุนนี้จะเอาไปใช้อะไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวเขาแต่ 5 ปีที่ผ่านมา นโยบายของรัฐบาลนำงบประมาณแผ่นดินไปแจกไม่สอนประชาชนคิดว่าจะทำอย่างไร แต่กลับสอนให้คนไทยรอว่าเมื่อไหร่จะได้รับความช่วยเหลือ 

คำถามต่อมาคือประชาชนจะได้อะไรจากงบประมาณที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้งบประมาณที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เป็นงบประมาณที่ไหลออกก่อหนี้กับประเทศผูกพันหลายปีงบประมาณรายจ่ายด้านการลงทุนจำนวน 6.5 แสนล้านบาทคิดเป็น 25% ของงบประมาณทั้งหมดในปีนี้ และเป็นงบรายจ่ายที่ผูกพันล่วงหน้าข้ามปีมากถึง 45 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณทั้งหมด

ซึ่งนำไปซื้ออาวุธ ยุทธโธปกรณ์ เป็นงบลงทุนที่ไม่ได้เสริมปัญญาแต่กลับนำไปเสริมอาวุธ และเห็นว่าท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลง พล.อ.ประยุทธ์จะสามารถเปลี่ยนความคิดตัวเอง เปลี่ยนจากการซื้อรถถังการซื้อเรือดำน้ำ เปลี่ยนมาซื้อแท็บเล็ตติดอุปกรณ์เครื่องมือให้กับนักเรียนนักศึกษา เยาวชนของคนไทยเพื่อให้เกิดการแข่งขันกับต่างประเทศได้

รัฐบาลจัดสรรงบประมาณไม่ตรงกับสถานการณ์ของโลก จัดสรรงบประมาณไม่เหมาะสมไม่เกิดประโยชน์สูงสุดล้มเหลวในวิธีคิดสิ้นเชิง นอกจากนี้ยังตั้งคำถามต่อด้วยว่า งบที่ตรวจสอบไม่ได้รัฐบาลจะนำไปทำอะไรรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์โยกเงินไปกองไว้ที่งบกลาง 5.18 แสนล้านบาทสูงเป็นอันดับ 2 รองจากงบประมาณรายจ่ายประจำหรือ 16 เปอร์เซ็นต์ของยอดวงเงินรายจ่าย โยกไปทำไม 5.18 แสนล้านบาทเอาไปใช้เพื่อประโยชน์อะไร และเมื่อใดนโยบายของประเทศไทยจะสามารถตั้งงบแบบสมดุลได้

ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศมาหลายปี ตั้งงบประมาณแบบขาดดุลมาตลอด ทั้งที่เคยประกาศกับพี่น้องประชาชนคนไทยว่าอีก 10 ปีข้างหน้าภายในปี 2572 น่าจะสามารถจัดสรรงบประมาณให้เป็นแบบสมดุลได้นั้น ยังมองไม่เห็นทาง เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมาท่านตั้งงบประมาณแบบขาดดุลมาโดยตลอด