ไม่พบผลการค้นหา
ส.ส.ก้าวไกล ชี้ 'ประยุทธ์' แจ้งบัญชีทรัพย์สินอยู่บ้านพักย่านสามเสน แต่กลับแจ้งเท็จต่อ ศาล รธน.อยู่บ้านพักหลวง หนีตรวจสอบตั้งฉายา นายกฯ เต่า ย้ำ 'ประยุทธ์-ประวิตร' เอี่ยว 'บอส กระทิงแดง' หลุดพ้นคดี ด้าน 'ประยุทธ์' โยนองค์กรตรวจสอบตัวเอง ลั่นรังเกียจคนหนีคดีต่างแดน เผยออกหมายจับไม่เคยได้ ยันเร่งคดีตามจับ

วันที่ 16 ก.พ. 2564 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเรื่องด่วน ญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล  โดย อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โดยยกข้อกล่าวหา 1.พล.อ.ประยุทธ์ หนีภาษีรับผลประโยชน์อื่นใด 2.ทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช.รับทรัพย์สินเกิน 3,000 บาท และ 3.ปกปิดข้อมูลส่วนตัวเพื่อหนีการตรวจสอบ และเข้าข่ายให้ข้อมูลเท็จต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วย

แฉ 'ประยุทธ์' หนีตรวจสอบแจ้ง ป.ป.ช.พักบ้านสามเสน แต่แจ้งศาล รธน.อยู่บ้านทหาร

อมรัตน์ กล่าวว่า สำหรับกรณี พล.อ.ประยุทธ์ อยู่บ้านหลวง ส่วนตัวจะส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่ามีการปกปิดข้อมูลเพื่อหนีการตรวจสอบ โดย พล.อ.ประยุทธ์ แจ้งกับคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่าอยู่บ้านพักย่านสามเสน แต่แจ้งกับศาลรัฐธรรมนูญว่า อยู่ในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถตรวจสอบค่าน้ำค่าไฟของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ ทั้งที่ทำเรื่องไปยังการไฟฟ้านครหลวง แล้วถึง 2 ครั้ง 

อมรัตน์ กล่าวว่า ในหนังสือลับลวงพรางของ วาสนา นาน่วม เขียนว่า บ้านพักในกรมทหารของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนละบ้านเลขที่ที่แจ้งต่อศาลรัฐธรรมนูญ จึงอยากถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จำบ้านเลขที่ของตัวเองได้หรือไม่ บ้านหลังนั้น สร้างจากภาษีของประชาชน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับใช้เป็นที่ประชุมวางแผนทางการเมือง

อมรัตน์ กล่าวว่า ในหนังสือลับลวงพราง ระบุว่าบ้านของ พล.อ.ประยุทธ์ ในค่ายทหาร มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ และลานจอดรถใต้ดิน เอ็ม79 ไม่สามารถยิงได้ถึง แต่กลับไม่มีการเปิดเผยค่าบำรุงรักษา ค่าน้ำค่าไฟภายในบ้าน จึงอยากบอกว่า คนจะรัก ไม่ต้องอยู่บ้านใหญ่โต เขาก็รัก คนจะรักอยู่บ้านเล็กๆในซอยหมอเหล็ง เขาก็รัก

ตั้งฉายา นายกฯ เต่า ไร้จริยธรรม แซวดูผอม

อมรัตน์ กล่าวว่า ขอตั้งฉายา พล.อ.ประยุทธ์ ว่า นายกฯ เต่า ที่หดหัวอยู่ในกระดอง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำ คือผู้ที่มีอำนาจสูงสุด แต่กลับไม่มีคุณธรรมจริยธรรมเป็นที่ประจักษ์ 

“ดิฉันสังเกตนายกรัฐมนตรีเมื่อเช้าท่านดูซูบลงมาก แขนขาท่านยาวขึ้น ไม่ทราบว่าไปโหนอะไรเยอะแยะมากมายหรือเปล่า”

อมรัตน์ ก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ 6DF1-4B9C-98F9-ACD6600543E1.jpeg

ชี้นายกฯ ผิดจริยธรรมร้ายแรง ปกปิดทรัพย์สิน รับค่าน้ำ-ค่าไฟ เลี่ยงภาษี

สำหรับความผิดของ พล.อ.ประยุทธ์ คือ 1)ได้รับประโยชน์จากกองทัพเกิน 3,000 บาท นับตั้งแต่เกษียณราชการปี 57 2) พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้นำประโยชน์ตอบแทนที่ได้รับจากกองทัพ ซึ่งถือเป็นเงินได้พึงประเมิน มายื่นเพื่อเสียภาษี 3) พล.อ.ประยุทธ์ แจ้งทรัพย์สินอันเป็นเท็จ จงใจปกปิดทรัพย์สิน 4.ผิดมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิด ส.ส.ท่านหนึ่งในคดีรุกที่ป่าสงวน 

อมรัตน์ กล่าวว่า ตอนที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฐบาลเถื่อน ก็ได้รับเงินซ้ำซ้อน 4 ตำแหน่งด้วยกัน ประกอบด้วย เงินบำนาญจากกองทัพเดือนละประมาณ 8 หมื่นบาท เงินเดือน คสช.ประมาณ 120,000 บาท นายกรัฐมนตรี 120,000 บาท เบี้ยประชุมต่างๆไม่ต่ำกว่าเดือนละ 400,000 บาท แต่กลับไม่มีใครเอาเรื่องกับ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างไรก็ตาม กรณีรับประโยชน์ตอบแทนจากจากกองทัพ ไม่ว่าจะเป็นค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ถือว่าผิดกฎหมาย ป.ป.ช. จำคุกไม่เกินกระทงละ 3 ปี รวม 76 เดือน หรือ 76 กระทง ติดคุกรวม 228 ปี 

อมรัตน์ สรุปการอภิปรายว่า “พล.อ.ประยุทธ์ ช่างไร้ค่า น่ารังเกียจ ที่อยู่ได้ถึงปีที่ 7 นี้ ไม่ใช่เพราะเก่งมากหรือกล้ามาก แต่ว่าด้านมาก”

เหน็บถอนคำพูด รบ.เถื่อน แต่พาดพิง รบ.คสช.ปล้นอำนาจนายกฯ หญิง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการอภิปราย ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงด้วยว่า ผู้อภิปรายพูดจาเสียดสี ขอให้เปลี่ยนคำพูดเพราะมันดูต่ำ 

โดยระหว่างการอภิปราย สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานนั้น ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้ขอให้ อมรัตน์ อมรัตน์ถอนคำพูดว่ารัฐบาลเถื่อน ทำให้ สุชาติขอให้ถอนคำพูด แต่ อมรัตน์ยินยอมถอนคำพูดพร้อมระบุว่า รัฐบาล คสช.ที่มาจากการปล้นอำนาจนายกฯ หญิงที่เป็นผู้บังคับบัญชา

ประยุทธ์ สภา อภิปรายไม่ไว้วางใจ 04_4059383172984185259_n.jpg

'ประยุทธ์' โยนองค์กรตรวจสอบ โต้กลับ 'อมรัตน์' หลบอยู่หลังม็อบ

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชี้แจงต่อการอภิปรายของ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กรณีพักบ้านหลวง โดยระบุว่า การฟังการอภิปรายไม่ต่างจากที่ได้ฟังการอภิปรายมา ซึ่งก็มีคำตอบอยู่ในตัวอยู่แล้ว และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาขององค์กรตรวจสอบการทุจริต ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช.หรือ ศาลรัฐธรรมนูญ ตนคงไม่ขอลงรายละเอียดตรงนี้ ทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญตนต้องขอขอบคุณ อมรัตน์ ที่สังเกตจะเห็นว่าตนผอมลง หรือ สูงขึ้น คงเพราะห่วงใยตนอยู่เหมือนกัน พร้อมขอบคุณที่เป็นห่วงสุขภาพ พร้อมกล่าว ว่า "ตัวท่านก็เตี้ยลงทุกวันๆ เพราะหลบอยู่หลังม็อบทุกวันๆ อยู่เหมือนกัน" ก่อนจะกล่าวขอบคุณและยิ้มเล็กน้อย และมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองามรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายเป็นผู้ชี้แจง โดยนายวิษณุระบุว่า กรณีนี้ศาลได้พิจารณาและให้ความเห็นแล้วว่านายกรัฐมนตรีสามารถอาศัยบ้านพักหลวงได้เนื่องจากเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ

สมคิด เพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐสภา  113502495251123_n.jpg

'เพื่อไทย' บี้ปล่อยปละละเลยบ่อนพนัน

จากนั้น สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่าถึงต้นตอการแพร่ระบาดโควิด-19 เมื่อปี 2563 มาจากสนามมวยลุมพินีเป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดระบาดโควิด รวมไปถึงบ่อนพนันที่หน่วยงานรัฐไม่เคยรู้ แต่คนขับแท็กซี่รู้หมดอยู่ตรงไหน แม้แต่วินมอเตอร์ไซค์ก็รู้ มีแต่ตำรวจในพื้นที่ไม่รู้ สาเหตุบ่อนมาจากการโยกย้ายตำรวจ เรื่องแต่งตั้งตำตรวจ หรือการซื้อขายตำแหน่งกัน 

"บ่อนเฮียตี๋ถ้าไม่ใหญ่รับรองทำไม่ได้ ตำรวจยิ่งกว่ารัฐซ้อนรัฐ ต่อให้อภิปรายยังไงก็ต้องยกมืออยู่ดี อยากให้นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดูเรื่องการแต่งตั้งตำรวจให้เป็นธรรม ซึ่งถ้ารัฐบาลไหนเอาจริง บ่อนก็น้อยลงอย่างแน่นอน ถ้าไม่หยุดอภิปรายรัฐบาลนี้ไม่ควรอยู่อีก"

สมคิด ระบุว่า ส่วนประเด็นยาเสพติด หนังสือสั่งการบันทึกข้อความ ลงวันที่ 10 ก.พ. 2564 เรื่องให้ชี้แจ้งมีการจับยาเสพติด เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2562 จ.ตาก ด่านสนธิกำลัง จับกุมยาไอซ์ 1,500 กระสอบ 1,500 กิโลกรัม มีพยานซักทอด 8-9 คน ที่ตนสงสัย มียศพันเอกที่เป็นทหาร และยศพันตำรวจเอก ซึ่งเป็นตำรวจ เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งจะปฏิรูปตำรวจ ทหารไม่ได้ ถ้าผู้นำประเทศไม่ดำเนินการ ส่วนตัวอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แถลงข่าวเรื่องนี้ เพราะตนสงสัย ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบเรื่องดังกล่าว เช่นเดียวกับบ่อนไก่กระทรวงมหาดไทยต้องรับผิดชอบ แต่น่าแปลกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่รู้ แต่คนในหมู่บ้านรู้หมด อยากให้กระทรวงมหาดไทยเข้ามาร่วมเรื่องนี้ เพราะนายกรัฐมนตรีไม่มีฝีมือในการจัดการเรื่องพวกนี้

ประยุทธ์  อภิปรายไม่ไว้วางใจ สภา58231684067151_n.jpg

'ประยุทธ์' ลุกแจง ยันเข้มบ่อนพนัน ย้ำไม่รับผลประโยชน์

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงกรณีปล่อยประละเลยให้มีบ่อนการพนัน ว่ารัฐบาลมีนโยบายในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอบายมุขซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญ ว่าที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทย ได้เพิ่มมาตรการและความเข้มข้นขึ้น เพื่อกำกับดูแลไม่ให้มีการเล่นการพนันในทุกพื้นที่

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า วันนี้ต้องใช้มาตรการกำชับให้เข้มงวดในส่วนของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่สนามมวยก็มีการสอบสวนซึ่งเป็นช่วงต้นของการแพร่ระบาด โดยสิ่งที่ทำให้เกิดแนวปฏิบัติขึ้นมามากมายและมีมาตรการต่อไปซึ่งก็โชคดีที่สามารถควบคุมไว้ได้ตรวจสอบผู้ที่เข้ามาในพื้นที่สนามมวย และสามารถควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี หลายอย่างเป็นบทเรียนเป็นประสบการณ์แต่อย่างไรก็เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลอยู่แล้วที่จะต้องแก้ไขปัญหา ในการดำเนินการกรณีการย้ายเจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องย้ายเพราะอยู่ในพื้นที่แล้วปล่อยให้มีการกระทำความผิดกฎหมายก็จำเป็นจะต้องนำออกมาเพื่อให้เกิดการสอบสวนเพื่อไม่ให้มีผลทางคดี 

ทั้งนี้ ก็มีการรายงานการลงโทษทุกเดือนในการประชุมคณะกรรมการตำรวจ ส่วนกรณีบ่อนพระราม 3 ได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัดดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 22 รายบางคดีศาลยุติธรรมได้พิพากษาไปแล้วแต่บางคดีก็อยู่ในขั้นตอนของอัยการ สำหรับกรณีที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตก็ได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่มีชีวิตอยู่ในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นพกพาอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตไปในหมู่บ้านสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งหมดได้ดำเนินการสรุปสำนวนการสอบสวนส่งพนักงานอัยการและพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2563 ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมผู้ต้องหาอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนอย่างต้องดำเนินการตามขั้นตอน และ 5 ช่องทาง พร้อมเน้นย้ำมาตรการการป้องกันโดยสังคมต้องช่วยกันเตือนช่วยกันบอก ช่วยกันห้าม

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สิ่งที่ สมคิด อภิปรายมาก็ถือว่าเป็นประโยชน์และตนจะรับไปดำเนินการต่อไปแต่คงไม่ใช่ว่าตนไม่เอาใจใส่หรือปล่อยปละละเลยขอให้ทุกคนเข้าใจด้วย พร้อมกับฝากสื่อซึ่งอยู่ใกล้กับประชาชนมากที่สุดให้บอกประชาชนอย่าเล่นการพนันอย่าบอกว่าไม่มีรายได้และต้องมาเล่นการพนัน หากยิ่งพูดอย่างนี้ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากยิ่งขึ้น พาทุกคนไปร่วมมือกันก็ทำไม่ได้ทุกเรื่องต้องเคารพกฎหมายร่วมมือกับราชการและนำคนผิดมาลงโทษคนพร้อมจะทำทุกอย่างทุกประการ โดยมีข้อมูลและหลักฐานสมบูรณ์ชัดเจนหรือส่งมาและสามารถตรวจสอบได้ดีกว่าออกมาพูดลอยๆ หรือเอาตามสื่อสิ่งพิมพ์เขียนออกมาบางทีก็เขียนเป็นนิยายให้ดูน่าสนใจ

"แม้แต่ชีวประวัติผมบางอย่าง ผมก็เพิ่งรู้ว่าตนเป็นตามนั้นก็มันเป็นนิยายการเขียนหนังสือไม่สามารถระหว่างอะไรตรงนี้ได้ ผมก็เคารพในจรรยาบรรณของสื่ออยู่แล้วขอให้มองในภาพรวมทั้งหมด ยืนยันว่าผมไม่มีอะไรขัดแย้งกับสมาชิกและจะดำเนินการให้เต็มที่ขอความกรุณาเพียงขอความร่วมมือทำอย่างไรให้ประชาชนไม่เล่นการพนัน"

พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่าตราบใดที่ตนเป็นหัวหน้ารัฐบาล ตนจะไม่มีส่วนร่วมในการรับผลประโยชน์ มันจบตรงนั้นแล้ว แต่ตนต้องดำเนินการให้ทุกคนเป็นไปตามที่ต้องการคือไม่รับผลประโยชน์

'เพื่อชาติ'ซัด รธน.สร้างความแตก

เวลา 18.18 น. สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ อภิปรายถึงประเด็นความไม่เหมาะสมในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ 1. สมคบฝ่ายการเมืองที่เสียผลประโยชน์ 2. สมคบกับนักธุรกิจที่สัมปทาน เอารัดเอาเปรียบ ขอข้าวกล่องเบี้ยเลี้ยง ในการยึดอำนาจ 3.สมคบพวกสื่อที่อิงอำนาจ และตอบแทนผลประโยชน์ และ 4.สมคบฝ่ายตุลาการบางคน การประชุมลับของท่าน ในเซฟต์เฮาส์เอามาเล่าสู่กันฟัง เป็นเพราะบางคนสมประโยชน์กับไม่สมประโยชน์ 

"ข้ออ้างที่ท่านเข้ามาเพื่อมาดูแลความมั่นคงของประเทศ ท่านดูมา7-8ปี มันมากเกินไปแล้ว ต้นทุนของประเทศที่เสียหายมากสุด ทุนผูกขาดแข็งแรงสมประโยชน์ ท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจ เขารู้กันหมดแต่ตรวจสอบไม่ได้ ท่านสร้างกระบวนการยุติธรรม แต่บางเรื่องสร้างหลักฐานเท็จ มีหลายเรื่องวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นมาขอจากผมได้ นี่คือกระบวนการเข้าสู่อำนาจ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส.ว.250 คน ผลของการสร้างรัฐธรรมนูญทำให้เกิดการแตกแยกวันนี้ และคนจนเกิดขึ้นเยอะมาก" สงคราม ระบุ

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ตอบโต้ สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ถึงกรณีการเชิญนักการเมืองปรับทัศนคติ ว่า พูดเหมือนกันมา 3-4 ครั้ง ตนตรวจสอบไปยังกองทัพ เมื่อปี2557 ท่านอยู่ในพื้นที่ควบคุม เพื่อหยุดยั้งความรุนแรง ซึ่งความรุนแรง มีมาตั้งแต่ปี 2553 มีเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง การใช้อาวุธ เอ็ม79 ตัวท่านเอง

"ผมให้กลับได้ แต่ท่านบอกอยากอยู่ต่อ ใครมาทวงหนี้รึเปล่า ตอนนั้นผมก็ดูแลเป็นพิเศษ ขอให้เลิกพูดได้แล้ว" นายกรัฐมนตรีระบุ

ทั้งนี้ สงคราม ชี้แจงว่า "มีแต่คนบ้าเท่านั้น เอาผมไปกักในค่าย กักอิสรภาพ ผมไม่มีความผิด อย่าเอาผมไปกักกันในค่ายอีก"

ธีรัจชัย ก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ 3639042420_n.jpg

'ก้าวไกล' ซักฟอก 'ประยุทธ์-ประวิตร' เอี่ยว บอส กระทิงแดง หลุดพ้นคดี

เวลา 20.25 น. ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เกี่ยวข้องในการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในคดี วรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 เพราะหลังรัฐประหารปี 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ขึ้นมา พร้อมตั้งคณะกรรมธิการกฎหมายฯ ขึ้นมาพิจารณาในคดีดังกล่าว โดยมีน้องชาย พล.อ.ประวิตร เป็นประธานกรรมาธิการ และน้องชายของ พล.อ.ประวิตร อีกคน เป็นกรรมาธิการด้วย นอกจากนี้ยังมีคู่เขยของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นกรรมาธิการ โดยกรรมาธิการรวม 5 คน มีความใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ กระทั่ง กรรมาธิการดังกล่าวมีความเห็นให้ไม่มีการสั่งฟ้องผู้ต้องหา 

ธีรัจชัย กล่าวว่า หลังจาก วรยุทธ หนีออกนอกประเทศ ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ส.ค.2560 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ได้ออกหมายแดง อินเตอร์โพล เพื่อติดตามจับกุม แต่ต่อมาวันที่ 30 ส.ค. 2560 พล.ต.ต.อภิชาติ กลับถูกคำสั่งย้ายออกจากหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หลังจากมีการประชุม ก.ตร.ที่มี พล.อ.ประวิตร เป็นประธาน แล้วต่อมา จึงมีการถอนหมายแดง ทำให้คดีดังกล่าว วรยุทธ์ เป็นเพียงบุคคลธรรมดา ไม่ได้อยู่ระบบของอินเตอร์โพล

ธีรัจชัย กล่าวว่า ต.ค.2561 พล.ต.ต.อภิชาติ ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ต่อมา ส.ค.2562 กลับถูกย้ายไปอยู่กองส่งกำลังบำรุง ภายหลังการประชุม ก.ตร.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน จากนั้นวันที่ 7 ต.ค.2562 วรยุทธ์ ร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการครั้งที่ 14 ภายหลังร้องขอแต่ไม่เป็นผลแล้ว 13 ครั้ง และวันที่ 20 ม.ค.2563 อัยการสั่งไม่ฟ้อง ทั้งนี้ หาก พล.ต.ต.อภิชาติ ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม จะมีอำนาจในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว

ธีรัจชัย กล่าวว่า หลังจากอัยการไม่สั่งฟ้อง จะเห็นว่าคดีดังกล่าว เป็นไปอย่างค่อนข้างเงียบ โดยเป็นการสมรู้ร่วมคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร กระทั่งสำนักข่าว CNN นำเสนอข่าวว่า วรยุทธ์ หลุดพ้นทางคดี จึงทำให้สังคมกลับมาสนใจอีกครั้ง 

“ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งกรรมการขึ้นมาสอบ โดยมี วิชา มหาคุณ เป็นประธาน กระทั่งมีรายงานออกมา ถามว่าท่านกล้าเปิดเผยรายงาน 5 พันหน้าดังกล่าว ให้ประชาชนทราบหรือไม่ ท่านไม่ฆ่าน้อง ฟ้องชาย แต่ท่านทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรม ถือว่าสั่นคลอนกระบวนการยุติธรรม ใช้อำนาจปัดเป่า เสนอผลประโยชน์ให้กับตนเอง นี่หรือที่บอกว่ารัฐประหารเพื่อปราบทุจริต สุดท้ายเข้ามาเพื่อช่วยกัน ท่านรับผลประโยชน์อย่างไร นอกจากนี้ ยังไม่เห็นว่ามีการสอบเอาผิดกรรมาธิการ สนช.และอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่พรรคพลังประชารัฐ กำลังจะส่งลงผู้ว่า กทม.” 

'ประยุทธ์' ลั่นรังเกียจคนหนีคดีต่างแดน ออกหมายจับไม่เคยได้ ยันเร่งคดีตามจับ

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่า เรื่องนี้เกิดเหตุมาตั้งแต่ปี2555 สภาพโดยทั่วไปว่าการดำเนินคดีล่าช้าผิดปกติ มีข้อสงสัยจากสาธารณชน ว่ามีการช่วยเหลือผู้กระทำผิดโดยทำเป็นกระบวนการทำลายความเชื่อมั่นและศรัทธากระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนก็ยอมรับไม่ได้ "ผมรังเกียจคนพวกนี้ หนีคดีอยู่ต่างประเทศ ผมเห็นออกหมายจับใครก็แล้วแต่ไม่เคยได้กลับมาสักคน คดีอื่นก็เหมือนกัน แต่ท่านกลับพูดดูน่าฟัง น่าเชื่อถือตั้งอกตั้งใจ" นายกรัฐมนตรี กล่าว 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าจากกรณีดังกล่าวรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ตนได้อ่านเอกสารตรวจสอบที่ส่งมาทุกหน้า และรู้สึกว่าสิ่งที่ได้อ่านจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีกในประเทศ และในฐานะนายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดคดีให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ทั้งประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตและคดียาเสพติดประเภท 2 และประสานงานกับอินเตอร์โพลในการออกหมายจับเพื่อออกหมายแดง ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังอยู่ระหว่างการประสานงานกับตำรวจสากล และให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ป.ป.ช. ได้มีมติให้ขอข้อมูลการทำธุรกรรมการเงินของคนที่เกี่ยวข้องจากสำนักงานป.ป.ง. โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทำรายละเอียดข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การดำเนินการตามกฎหมาย ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ดังนั้นขอให้เห็นใจคนทำงาน หลายเรื่องจะผลีผลามไม่ได้ เพราะต้องขึ้นอยู่กับหลักฐาน พยานวัตถุและพยานบุคคล 

ทั้งนี้ ธีรัจชัย ลุกขึ้นประท้วงว่านายกรัฐมนตรีตอบไม่ตรงประเด็นที่ได้อภิปรายซักถามและไม่ตอบว่าเหตุใดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงไม่ตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องนี้ และคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาก็มีแต่เอาผิดกับตำรวจชั้นผู้น้อยโดยที่ไม่โยงถึงตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ส่วนอัยการก็โยนให้สอบกันเอง ขณะที่ในส่วนของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ไม่ได้สอบตัวเองและพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

"ผมขอให้ท่านกลับไปทำ ถ้าไม่ทำอย่าอยู่เลย กับตำแหน่งนี้ นายกรัฐมนตรี" ธีรัชชัยกล่าว 

ทำให้ นายกรัฐมนตรีลุกขึ้นชี้แจงอย่างมีอารมณ์ว่า ตนไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ เพราะถ้าตนไม่ยอมรับผิดชอบก็ไม่ต้องทำ และปล่อยไป โดยหลายเรื่องก็ถูกปล่อยมาหลายรัฐบาล "คุณยังไม่เคยเป็นรัฐบาล คุณไม่เข้าใจหรอกว่าเขาทำงานกันอย่างไร จะพูดยังไงก็พูดได้ ขอให้เห็นใจคนทำงานเขาบ้าง ทุกอย่างอยู่ที่กระบวนการสอบสวน จะใหญ่จะเล็กแค่ไหน หากดำเนินคดีได้ก็จะดำเนินการ" 

นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงถึงกรณีตั้ง ส.ว.250 คนว่า ขอให้ดูที่มาของส.ว.ด้วยว่า มีการมีการเลือกตั้งมาจากประชาชน 50 คน แต่กลับพูดเสมือนว่าตนเลือกเข้ามาทั้งหมด และอีก 200 คนก็เลือกคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม จึงเห็นว่าบางเรื่องควรหยุดพูดกันบ้าง 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง