ไม่พบผลการค้นหา
เหตุระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีงานเลี้ยงสมรสในอัฟกานิสถาน ช่วงค่ำ 17 ส.ค. ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 63 ราย บาดเจ็บ 182 คน ล่าสุด กลุ่มติดอาวุธ 'ไอเอส' อ้างตัวเป็นผู้ก่อเหตุครั้งนี้ อาจกระทบการเจรจาถอนทหารสหรัฐฯ และการสงบศึกกับกลุ่มตอลิบาน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงคำแถลงของกระทรวงมหาดไทยแห่งอัฟกานิสถาน ช่วงค่ำวันที่ 18 ส.ค.ว่า กองกำลังติดอาวุธไอเอส (Islamic State) หรือ 'ดาอิช' ซึ่งเป็นเครือข่ายก่อการร้ายที่มีแนวร่วมในหลายประเทศแถบตะวันออกกลางและเอเชีย ประกาศตัวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีงานเลี้ยงในพิธีแต่งงานของบ่าวสาวคู่หนึ่งในกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก 

ขณะเดียวกัน เดอะวอชิงตันโพสต์รายงานว่า แถลงการณ์ของกลุ่มไอเอสที่เผยแพร่ล่าสุดอ้างว่าผู้ก่อเหตุ คือ อาบู อาซิม ชายชาวปากีสถานซึ่งเป็นแนวร่วมไอเอส พร้อมระบุแรงจูงใจในการก่อเหตุว่า เป็นการต่อต้านกลุ่มผู้มีแนวคิดพหุเทวนิยม หรือผู้เชื่อในพระเจ้าหลายองค์

ข้อกล่าวหาเช่นนี้มักถูกกลุ่มมุสลิมนิกายซุนนีสายสุดโต่งบางกลุ่ม อย่างเช่นไอเอส นำมาใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตีกลุ่มมุสลิมนิกายชีอะห์ โดยระบุว่าแนวคิดพหุเทวนิยมเท่ากับการปฏิเสธว่า "พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว" แตกต่างจากความเชื่อและหลักปฏิบัติของนิกายซุนนี

อย่างไรก็ตาม กลุ่มติดอาวุธตอลิบาน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มก่อความไม่สงบในอัฟกานิสถาน และเป็นกลุ่มมุสลิมซุนนีเหมือนกัน กล่าวประณามการกระทำของไอเอส พร้อมระบุว่า ตอลิบานขออยู่ข้างประชาชนผู้ที่ได้รับความเจ็บปวด และก่อนหน้านี้โฆษกตอลิบานก็เคยออกมาแถลงแล้วว่าทางกลุ่มไม่เกี่ยวข้องกับการโจมตีงานแต่งดังกล่าว

AFP-ก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน ไอเอสระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีงานแต่งในกรุงคาบูล 17-8-2019.jpg
  • สถานที่จัดเลี่ยงอยู่ในคอมเพล็กซ์ที่ใช้ชื่อว่า 'ดูไบ ซิตี้' ทางฝั่งตะวันตกของกรุงคาบูล

อย่างไรก็ตาม อาชราฟ กานี ประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน กล่าวโทษตอลิบานว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น เพราะตอลิบานเป็นกลุ่มติดอาวุธในประเทศที่เรียกร้องให้อัฟกานิสถานปกครองด้วยหลักกฎหมายชาริอะของศาสนาอิสลาม ทั้งยังก่อเหตุโจมตีทหารและเจ้าหน้าที่รัฐของอัฟกานิสถานมาโดยตลอดเช่นกัน จึงอาจกล่าวได้ว่า ตอลิบานคือผู้ก่อความไม่สงบที่เปิดช่องให้กลุ่มติดอาวุธสุดโต่งอีกหลายกลุ่มเข้ามาเคลื่อนไหวในอัฟกานิสถานจนลุกลามบานปลาย และเหตุระเบิดฆ่าตัวตายรอบล่าสุดนี้ ถือเป็นการก่ออาชญากรรมอันเลวร้ายต่อพลเรือนอีกครั้งหนึ่ง

ด้านโทโลนิวส์ ทีวี สื่อท้องถิ่นในอัฟกานิสถาน รายงานว่า เจ้าบ่าวเจ้าสาวซึ่งอยู่ในวัย 20 ปีโดยประมาณ รอดชีวิตทั้งคู่ แต่กลับสูญเสียญาติพี่น้องไปเป็นจำนวนมาก โดยครอบครัวเจ้าสาวมีผู้เสียชีวิตถึง 14 ราย และเจ้าบ่าวสูญเสียพี่ชาย ญาติ และเพื่อนฝูง เพราะขณะเกิดเหตุมีผู้ที่ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยงอีกหลายร้อยคน รวมถึงเด็กหลายราย

ผู้นำศาสนาอิสลามในชุมชนมุสลิมนิกายชีอะห์ ทางฝั่งคาบูลตะวันตก ซึ่งเป็นย่านที่ถูกโจมตีด้วยเหตุระเบิดฆ่าตัวตายครั้งล่าสุดนี้ ประณามกลุ่มไอเอสและกลุ่มตอลิบานว่าเป็นเหรียญ 2 ด้าน แต่ก็ยังถือว่าเป็นเหรียญเดียวกัน เพราะทั้งคู่ใช้ความรุนแรงโจมตีผู้บริสุทธิ์ โดยก่อนหน้านี้ทั้งสองกลุ่มที่ก่อเหตุมักพุ่งเป้าโจมตีมัสยิด เจ้าหน้าที่รัฐ และตำรวจ-ทหาร แต่ตอนนี้กลับพุ่งเป้าโจมตีพลเรือนในสถานที่จัดเลี้ยงต่างๆ เพิ่มเติม 

  • ทวีตของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อนเกิดเหตุระเบิดไม่กี่ชั่วโมง ระบุว่า "เพิ่งจบการประชุมเรื่องอัฟกานิสถานกับหลายฝ่ายที่อยู่ขั้วตรงข้ามกันในสงคราม 19 ปี และตอนนี้เรากำลังหาข้อยุติกันอยู่ - ถ้าเป็นไปได้!"

นอกจากนี้ การก่อเหตุโจมตีของไอเอสยังเกิดขึ้นไล่เลี่ยกันกับที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ทวีตข้อความบ่งชี้ว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และแกนนำกลุ่มตอลิบานมีความคืบหน้า และหวังว่าจะทำให้เกิดข้อตกลงที่นำไปสู่การถอนทหารสหรัฐฯ จากอัฟกานิสถานเป็นการถาวร หลังจากที่ทหารอเมริกันถูกส่งไปประจำการในพื้นที่ต่างๆ ของอัฟกานิสถานมานานเกือบยี่สิบปี

เหตุระเบิดฆ่าตัวตายครั้งนี้อาจส่งผลกระทบให้การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และตอลิบานหยุดชะงัก หรืออาจถูกเลื่อนออกไปก่อน เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลอัฟกานิสถานเคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์การเจรจา ทั้งยังไม่ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการเจรจาด้วย จึงยังไม่อาจประเมินได้ว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และตอลิบาน จะนำไปสู่การทำข้อตกลงจัดสรรอำนาจและยุติการสู้รบได้จริงหรือไม่ 

ที่มา: NPR/ Reuters/ The Washington Post

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: