ไม่พบผลการค้นหา
เป็นเรื่องฮือฮา สร้างความประหลาดใจอย่างมาก สำหรับการโยกย้ายตำแหน่ง 'ปลัดคลัง' ครั้งล่าสุด และนำไปสู่การยื่นใบลาออกจากราชการของ 'สมชัย สัจจพงษ์' ทั้งที่ยังเหลืออายุราชการอีกหลายปี

การโยกย้ายข้าราชการกระทรวงการคลังรอบล่าสุด (ก่อนสงกรานต์ 2561) นับว่าสร้างความฮือฮาเป็นยิ่งนัก และหากจะวิเคราะห์ออกมา อาจมีเหตุปัจจัย 1-3 ประการ

หนึ่ง เพราะเป็นการโยกย้ายที่เริ่มต้นมาจากการย้ายข้าราชการระดับ 11 หรือ 'ปลัดกระทรวง' นายสมชัย สัจจพงษ์ จากปลัดกระทรวงการคลัง ที่ยังดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังไม่ครบเทอม 4 ปี ให้ 'ข้ามห้วย' ไปเป็นเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

สอง เป็นการโยกย้ายกลางฤดูกาล ที่ปกติ หากจะทำกัน ก็มักจะเป็น 'การย้ายเพื่อลงโทษ' มากกว่า

สาม พอมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ย้ายปลัดกระทรวงการคลัง นายสมชัย ที่อยู่ระหว่างลาพักราชการอยู่ต่างประเทศ ก็ประกาศผ่านไลน์ผู้สื่อข่าว ว่าได้ตัดสินใจ "ลาออกจากราชการ" เพื่อเป็นประชาชนเต็มขั้นทันที ภายในวันเดียวกันนั้น (10 เม.ย.2561)

'อภิศักดิ์' รับย้ายปลัดคลังเพราะถูก "ขอมา"

โดยหลัง ครม. มีมติแล้ว นายอภิศักด์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยยอมรับว่า การย้ายนายสมชัย เนื่องจากถูก "ขอมา" เพื่อให้ไปช่วยขับเคลื่อนแผนปฏิรูปประเทศสู่การปฏิบัติที่สภาพัฒน์ ซึ่งนายสมชัย ถือได้ว่าเป็นคนเก่ง มีความสามารถ มีความรู้เศรษฐกิจมหภาค แถมยังเคยบริหารหน่วยงานภาคปฏิบัติ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหาการทำงานร่วมกัน รวมถึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้ไม่พอใจนายสมชัยด้วย

อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์ (17 เม.ย.2561) ครม. ก็มีมติแต่งตั้งนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เป็นปลัดกระทรวงการคลังแทน พร้อมแต่งตั้งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ขึ้นเป็นอธิบดีกรมสรรพากร แต่งตั้งนายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ขึ้นเป็นผู้อำนวยการ สคร. แต่งตั้งนายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงขึ้นเป็นผู้อำนวยการ สบน. และ แต่งตั้งนางสาวชุณหจิต สังข์ใหม่ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง เป็นผู้ตรวจ

สมชัย สัจจพงษ์

'สมคิด' ส่งสัญญาณก่อนโยกย้ายกลางปี

สำหรับการโยกย้ายรอบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เพราะนายสมคิด ได้ส่งสัญญาณมาก่อนแล้ว โดยในการประชุมติดตาม/เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2561 นายสมคิด ได้กล่าวชื่นชมการทำงานของนายเอกนิติอย่างออกหน้า พร้อมระบุว่า ต้องการให้รางวัล โดยโปรโมทให้ได้รับตำแหน่งที่ดีขึ้น เพราะไม่เช่นนั้น ก็จะเหมือนเป็นการลงโทษผู้ที่ทำงานหนัก

ส่งผลให้เกิดการตีความกันทันทีว่า จะมีการโยกย้ายข้าราชการกระทรวงการคลัง 'กลางปี' เกิดขึ้นแน่ และ แน่นอนว่า นายเอกนิติ จะต้องได้รับตำแหน่งในกรมที่ใหญ่ขึ้นด้วย แม้จะมีเสียงอีกฝั่งบอกว่า นายสมคิดต้องการรีบย้ายนายเอกนิติ เพราะหากอยู่ สคร. นานไป ก็กลัว "ช้ำ" ไปเสียก่อน เนื่องจาก "ไม่ได้ใจลูกน้อง"

จากนั้นถัดมาในวันสถาปนากระทรวงการคลัง ครบรอบ 143 ปี ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2561 นายอภิศักดิ์ ดึงมือนายสมชัย ไปปิดห้องคุยกันสองต่อสอง โดยไม่ได้อยู่ร่วมพิธีการที่จัดขึ้นที่ห้องประชุมวายุภักษ์ 4 ซึ่งว่ากันว่าเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับการโยกย้ายที่จะเกิดขึ้น และ เป็นไปได้ว่า น่าจะมีการแจ้งนายสมชัย ให้ทราบถึงแนวคิดที่ว่า ผู้ใหญ่ต้องการให้ไปช่วยผลักดันงานที่สภาพัฒน์ในการพูดคุยดังกล่าวด้วย

ทีแรกมีการเก็งกันว่า โผโยกย้าย จะถูกเสนอ ครม. ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.2561 แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีการเสนอ และ หลังจากนั้น ช่วงวันที่ 3-6 เม.ย.2561 นายสมชัย ก็เดินทางไปประชุมที่ประเทศสิงคโปร์ รวมถึงนายอภิศักดิ์ ก็บินตามไปด้วยเช่นกัน แต่หลังจบประชุม ปรากฏว่า นายสมชัย ได้ลาพักราชการที่ต่างประเทศต่อทันที

ทั้งนี้ สำหรับหนังสือลาออกของนายสมชัย จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2561 เป็นต้นไป แต่ระหว่างนี้ นายสมชัย ขอใช้สิทธิ์ลาต่อเนื่อง โดยมีการเข้ามาเก็บข้าวของออกไปตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.2561 ที่เป็นวันหยุดราชการช่วงเทศกาลสงกรานต์วันสุดท้าย พร้อมแจ้งอำลาต่อสื่อมวลชนผ่านไลน์กลุ่ม

ว่ากันว่า นายสมชัย ได้ร่างหนังสือลาออกไว้พร้อมแล้ว เนื่องจากทราบล่วงหน้าแล้วว่าต้องถูกย้าย โดยทันทีที่มีมติ ครม. ออกมา นายสมชัย จึงตัดสินใจชัดเจน และให้เจ้าหน้าที่หน้าห้องยื่นหนังสือลาออกต่อ รมว.คลัง ในวันที่ 11 เม.ย.2561 ซึ่งการที่นายสมชัย แจ้งผ่านสื่อก่อน ได้สร้างความไม่พอใจให้นายอภิศักดิ์ ทำให้ขุนคลังจรดปากกาเซ็นอนุมัติการลาออกในวันดังกล่าวทันที โดยไม่ทัดทานใดใด

สมชัย สัจจพงษ์.jpg

'สูตรโยกย้าย' ที่เกือบจะ 'ลงตัว'

นอกจากนี้ แม้ฝ่ายการเมืองจะใช้ข้ออ้างแบบ "บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น" ว่า ต้องการให้นายสมชัยไปช่วยขับเคลื่อนงานที่สภาพัฒน์ เพราะต้องการคนเก่ง คนมีฝีมือ แต่คนกระทรวงการคลัง ทราบกันดีว่า หลายต่อหลายครั้งที่นายสมชัย ได้รับการติติงจากนายสมคิด เนื่องจากเป็นคนมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่สูง กล้าพูด กล้าคิด กล้าทำ โดยเฉพาะกรณีทฤษฎี "เห็บสยามโมเดล" อันลือลั่น หรือการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินสวัสดิการคนจน รวมทั้งบางเรื่องที่ถูกขอมาจากฟากทำเนียบรัฐบาล ก็ไม่ได้รับการตอบสนองอย่างเต็มที่นัก จึงเป็น 'ปม' ที่ถูก 'แซะ' มาโดยตลอด

ขณะเดียวกัน การทำงานร่วมกันระหว่างนายสมชัย กับนายประสงค์ ก็มีความไม่ลงรอยกันมาตลอด บางเรื่องที่เป็นงานที่เกี่ยวกับกรมสรรพากร ก็มีการให้ สศค. ทำ ส่งผลให้เกิดความวุ่นวายในการเสนอเรื่องเข้าที่ประชุม ครม. หลายต่อหลายครั้ง เพราะหากเป็นเรื่องที่ปลัดคลังผลักดัน อธิบดีกรมสรรพากรก็จะไม่ทำให้

ทว่า ทั้งหมดนี้ ยังไม่สำคัญเท่ากับการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เริ่มมีความ 'ไม่พอใจ' ปลัดคลังมากขึ้นในระยะหลัง ๆ ดังนั้น แม้จะมีความเป็นเพื่อนร่วมรุ่น “ปรอ.20” (หลักสูตร การป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน รุ่นที่ 20 ช่วงปี 2550-2551) ที่หลายฝ่ายมองว่า เคยโอบอุ้มกันมาในช่วงแรก ๆ ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามายึดอำนาจบริหารประเทศ และเป็นแรงหนุนสำคัญส่งให้นายสมชัย ได้ดิบได้ดี เริ่มจากการได้รับแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมศุลกากร และ ประธานคณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

จากนั้นก็ขึ้นสู่ตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง ในวันที่ 1 ต.ค. 2558 และตามด้วยตำแหน่งในบอร์ดรัฐวิสาหกิจ 'เกรดเอ' ทั้ง บมจ.การบินไทย, ธนาคารกรุงไทย ฯลฯ

ฉะนั้น หากมองในมุมของการเป็น 'เพื่อนร่วมรุ่น' ก็ต้องถือว่า ได้ดูแลกันไปมากแล้ว แถมระยะหลังนายสมชัย ก็ออกจะห่างเหินนายกฯ ขึ้นด้วย และ ยิ่งฟังจากคำกล่าวของอดีตประธานรุ่น ปรอ.20 ที่ปรี๊ดแตกทันที หลังถูกสื่อมวลชนถามถึงการลาออกของนายสมชัย ก็สามารถฟันธงได้ทันทีว่า นายสมชัย ไม่ใช่ 'น้องรัก' แล้วแน่นอน

สมชัย สัจจพงษ์

ประจวบกับจังหวะที่การเลือกตั้งงวดเข้ามาเรื่อย ๆ รัฐบาลต้องการคนสไตล์กล้าได้กล้าเสีย เข้ามาเป็นแม่ทัพใหญ่กระทรวงการคลัง เมื่อสบจังหวะเก้าอี้ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ว่างลง ทำให้ 'สูตรโยกย้าย' ทั้งการย้ายนายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการ สศช. ไปนั่งปลัด พม. และ ย้ายนายสมชัย ไปเป็นเลขาธิการ สศช. ดูจะ 'ลงตัว' เพราะมองได้ว่า 'ไม่ได้เป็นการลงโทษ' แต่ทั้งหมดเป็นไป "เพื่อความเหมาะสม"

แต่สูตรดังกล่าวกลับ "ไม่สมบูรณ์ 100%" จากการที่นายสมชัยลาออก ซึ่งก็สืบเนื่องมาจากนายสมชัย ทราบดีถึงผู้ที่จะเข้ามานั่งตำแหน่งปลัดคลังแทนตน ว่าเป็น 'คู่แข่ง' ที่เป็น 'ไม้เบื่อไม้เมา' กันมาตลอด และ ดีกรีของตนเองก็ไม่ได้ด้อยกว่าเลย

ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ จึงเป็นเหตุให้นายสมชัย รู้สึก 'พ่ายแพ้' และ 'เสียหน้า' อย่างแรง จนไม่อยากรับราชการต่อไป จึงนำมาสู่การปิดฉากชีวิตราชการ 28 ปี ของนายสมชัย ในวัย 56 ปีเศษ หลังจากก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังมาได้เพียง 2 ปีครึ่งเท่านั้น

หลังจากนี้ คงติดตามกันต่อไปว่า จังหวะก้าวของปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่ ว่าจะสอดประสานกับจังหวะก้าวของรัฐบาล คสช. ที่กำลังลุยเต็มที่ เพื่อรับมือ 'ศึกเลือกตั้ง' ในระยะข้างหน้าได้ดีเพียงใด

ข่าวเกี่ยวข้อง :