พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุถึงแผนการช่วยเหลือนักฟุตบอลและโค้ชของทีมหมูป่าอะคาเดมี แม่สายจำนวน 13 คนที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง ขุนน้ำ - นางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ว่า จะต้องดำเนินการแผนขั้นตอนต่อไป ซึ่งเมือคืนนี้ (2 ก.ค.) ได้ให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีชี้แจงไปแล้ว และหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายผ่าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยไปแล้ว ในส่วนการบริหารงานความช่วยเหลือระยะที่ 2 คือการนำตัวเด็กออกมา เพราะยังติดเรื่องน้ำและมีทางออกทางเดียวคือปากถ้ำ โดยขอให้ฟังการแถลงข่าวจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเป็นหลัก จากนั้นคือการนำตัวเด็กไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล จึงขอความร่วมมือสื่ออย่าเพิ่งไปวุ่นวายกับเด็ก ยังมีเวลาให้แถลงข่าวไปพร้อมๆ กัน

สำหรับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ สร้างความปราบปลื้มใจให้คนไทยทั้งประเทศและต่างประเทศที่ยินดีกับความสำเร็จ และจะให้แนวทางการช่วยเหลือครั้งนี้เป็นแผนแม่บทกู้ภัย ยกระดับมาตรฐานประเทศ และขอบคุณต่างประเทศที่มาช่วย

"งานจะสำเร็จไม่ได้ถ้าทุกคนไม่ช่วยกัน ทั้งเจ้าหน้าที่ ภาคเอกชน ประชาชน ที่เสียสละ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะนี่คือประเทศไทย คนไทย ไทยนิยม" นายกฯ ระบุ

ชมทุกภาคส่วนเป็นพระเอก เผยสัญญาพาหมูป่าไปเที่ยวพัทยา

พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้ำการดูแลช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำที่ระบายจากถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ซึ่งมีการพูดคุยตั้งแต่ระบายน้ำวันแรก และพอใจการช่วยเหลือของรัฐ และจะต้องปรับคืนสภาพพื้นที่ใหเข้าสู่ปกติหลังนำทีมหมูป่าออกจากถ้ำว่าจะทำอย่าไร ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญระดับประเทศและโลก จึงต้องสำรวจเพื่อรองรับความปลอดภัย เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยสำรวจชัดเจนซึ่งวันนี้ได้แผนผังถ้ำมาแล้ว 

ส่วนอุปสรรคจากฝนที่ตกมาช่วงนี้ ก็เชื่อว่า จะสามารถนำเด็กออกมาได้ก่อนน้ำจะมีปริมาณมาก ทั้งเรื่องการช่วยเหลือ อาหารและยา พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีขอบคุณ ขอยกให้ทุกภาคส่วนเป็นพระเอกด้วยกัน ซึ่งขณะนี้ต้องเร่งดำเนินการพร่องน้ำ ระบายน้ำ สูบน้ำ ทั้งบนภูเขาและด้านล่าง เพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายทีมหมูป่าออกมาได้ ซึ่งจะต้องทำด้วยความรอบคอบอย่าไปกำหนดเวลา ตราบใดที่ยังแข็งแรงก็สามารถดูแลได้ รวมถึงการติดต่อสื่อสารได้

นายกรัฐมนตรี ยังฝากบอกเด็กทั้งหมดว่าหากออกมาแล้ว ให้ทำตัวเป็นคนดี และจะทำตามสัญญาว่าจะพาไปเที่ยวพัทยาหากแข็งแรงแล้วให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการ

ย้ำต้องโยกผู้ว่าฯ เชียงรายไปนั่ง ผู้ว่าฯ พะเยา

ส่วนเรื่องการปฏิบัติงานของนายณรงศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายก็ได้ชื่นชมไปแล้วในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แต่การโยกย้ายเป็นไปตามวงรอบปกติ ซึ่งต้องการให้คนมีฝืมือไปทำงานพัฒนาพื้นที่อื่น คนดีอยู่ที่ไหนก็เจริญ และได้อวยพรให้นายณรงศักดิ์ ในการไปรับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เพราะมีการโปรดเกล้าฯ ไปแล้วก็ต้องเป็นไปตามหลักการ

'ประวิตร' ลั่นไม่จริงข่าวบีบีซีให้ 13 คนอยู่ในถ้ำ 4เดือน

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีวิธีการนำตัวทีมหมูป่าอะคาเดมี 13 คนออกจากถ้ำหลวงขุนน้ำ-นางนอนว่า ให้สอบถามไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมระบุถึงกรณีที่สำนักข่าวบีบีซี เสนอข่าวการฝึกเด็กดำน้ำ หรือเตรียมอาหารสำหรับให้เด็กใช้ชีวิต 4 เดือนจนกว่าน้ำจะลด ว่า แหล่งข่าวจากที่ใด เขาไม่รู้จริงหรอก เขาพูดเอง 

มท.1 ย้ำต้องนำ 13 ชีวิตออกถ้ำโดยเร็ว ลั่นไม่รอให้ถึงหน้าแล้ง

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ปฏิเสธถึงกระแสข่าวดังกล่าว พร้อมย้ำว่าต้องรีบนำตัวเด็กทั้ง 13 ชีวิตออกมาโดยเร็วที่สุด ยิ่งช่วงที่ฝนจะตกหนักจะต้องสูบน้ำออกมาเพื่อนำตัวเด็กออกมาก่อนที่น้ำจะสูงมากกว่านี้ ขณะเดียวกันก็ได้ในการฝึกดำน้ำให้กับเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องยากสามารถทำได้ ซึ่งทีมดำน้ำที่มาจากหลายส่วนจะต้องหารือกัน เราต้องรู้ว่าสถานที่เพื่ออำนวยในการฝึกให้กับเด็กได้หรือไม่ หรือเอื้ออำนวยให้เด็กสามารถดำน้ำประกบคู่มากับนักดำน้ำได้หรือไม่ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังหาหนทางอยู่แต่ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีทางออกอื่นนอกจากดำน้ำออกมาทางปากถ้ำ

ขณะเดียวกัน ทีมสูบน้ำก็เร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ภายในถ้ำให้มากที่สุด หรืออย่างน้อยให้มีช่องทางนำตัวเด็กออกมา พร้อมยืนยันจะให้รอจนกว่าถึงฤดูแล้งและนำตัวเด็กออกมาคงเป็นไปไม่ได้ พร้อมยอมรับความยากอยู่ที่ภูมิประเทศที่มีทั้งซอกหิน

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1 วางแผนการช่วยเหลือเยาวชน 13 คน เป็น 3 ช่วง ได้แก่ 

• เฟส 1 ส่งนักดำน้ำ 4 นาย พร้อมอุปกรณ์ดำรงชีพ พาวเวอเจล(อาหารสำหรับให้พลังงาน) เข้าไปช่วยเหลือ และพักอาศัยเป็นเพื่อน พร้อมกับสำรวจโครงสร้างภายใน ให้อยู่ได้โดยปลอดภัย
• เฟส 2 ส่งนักดำพร้อมแพทย์ เข้าทำการช่วยเหลือ และปรับสภาพอากาศเข้าไปภายใน ให้สามารถดำรงชีพได้อย่างสะดวกสะบาย
• เฟส 3 เตรียมส่งอาหาร เพิ่มเติม ให้อยู่ได้ 4 เดือน เป็นอย่างน้อย ควบคู่กับการสอนดำน้ำให้ ทั้ง 13 คน พร้อมกับยังคงดำรงการระบายน้ำ ตลอดเวลา

สภาการหนังสือพิมพ์ฯ แนะเสนอข่าวระวังละเมิดสิทธิผู้ประสบภัย

สภาการหนังสือพิมพ์ฯ ขอความร่วมมือสื่อมวลชนปฏิบัติงานรายงานความคืบหน้าการกู้ภัยและเหตุการณ์หลังจากช่วยผู้ประสบภัยทั้ง 13 ชีวิตโดยคำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคลและร่วมกันนำเสนอประเด็นอย่างสร้างสรรค์ และเคารพสิทธิของเด็กและผู้ประสบภัย โดยขอให้สื่อมวลชนควรร่วมหารือแนวทางการนำเสนอข่าวร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการสัมภาษณ์ผู้ประสบภัยและครอบครัว ในลักษณะของการทำข้อมูลร่วมกัน และร่วมกับแพทย์และนักจิตวิทยาเพื่อให้เกิดความเข้าใจสถานการณ์ รูปแบบการตั้งคำถาม พึงละเว้นการสืบค้นประวัติ ภาพ และข้อมูลของเด็ก เยาวชน และผู้ฝึกสอน อันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และกระทบต่อสิทธิในการกลับสู่การใช้ชีวิตตามปกติโดยไม่ตกเป็นเป้าของสังคมผ่านการนำเสนอเจาะลึกชีวิตของสื่อ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ผบ.หน่วยซีลเผย 'มีหลายแผน' ช่วยทีมหมู่ป่า-ย้ำ "น้องต้องกลับบ้านอย่างปลอดภัย"