ไม่พบผลการค้นหา
สถาบันอุดมศึกษาเก่าแก่ของญี่ปุ่น ประกาศงดทำงานวิจัยทุกชนิดที่เกี่ยวข้องกับทหาร เพื่อตอบโต้รัฐบาลญี่ปุ่นที่ตีความรัฐธรรมนูญใหม่และเร่งพัฒนาศักยภาพกองกำลังป้องกันตนเองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

นายจูอิชิ ยะมะกิวะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกียวโต หนึ่งในสถาบันอุดมศึกษาเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ออกแถลงการณ์ว่า มหาวิทยาลัยเกียวโตจะไม่ร่วมจัดทำหรือดำเนินการวิจัยทุกชนิดที่เกี่ยวข้องกับทหารและความมั่นคง เพราะถือว่าขัดต่อภารกิจหลักด้านการส่งเสริมและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของคนในสังคม ซึ่งเป็นหลักการที่มหาวิทยาลัยยึดถือมาโดยตลอด 

"คณะนักวิจัยของเราอุทิศตนให้กับการเสริมสร้างระเบียบวินัยทางสังคม รวมถึงสันติภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษยชาติ จึงไม่มีทางที่พวกเราจะศึกษาวิจัยงานใดๆ เกี่ยวกับทหาร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเป้าหมายหลักของพวกเรา" นายยะมะกิวะกล่าวในแถลงการณ์ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา

เว็บไซต์เจแปนไทม์ส รายงานว่าการตัดสินใจปฏิเสธงานวิจัยทางทหารของ ม.เกียวโต เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่จะสิ้นสุดปีงบประมาณ 2560 ของญี่ปุ่น ซึ่งปีที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นได้รับงบประมาณกว่า 11,000 ล้านเยน หรือเพิ่มขึ้น 18 เท่าเมื่อเทียบกับงบที่เคยได้รับเมื่อปีงบประมาณ 2559 และโครงการที่ได้รับการสนับสนุนมากที่สุดคือการวิจัยเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีทางทหาร

นอกเหนือจากมหาวิทยาลัยเกียวโตแล้ว ยังมีมหาวิทยาลัยประจำจังหวัดชิกะ มหาวิทยาลัยคันไซ มหาวิทยาลัยโอคายามะ มหาวิทยาลัยชิซูโอกะ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีโตเกียว ซึ่งประกาศจะไม่รับทำวิจัยใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทหารและความมั่นคงเช่นกัน ทั้งยังมีการออกกฎห้ามนักวิจัยในสังกัดของมหาวิทยาลัยไม่ให้รับจ้างทำวิจัยในประเด็นที่เกี่ยวข้องด้วย


กองทัพญี่ปุ่น

หนังสือพิมพ์ไมนิชิ ซึ่งเป็นสื่อเก่าแก่ของญี่ปุ่น รายงานเพิ่มเติมว่าคำประกาศของอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกียวโต เกิดขึ้นไล่เลี่ยกับวันครบรอบ 1 ปีที่สภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติญี่ปุ่น (SCJ) ออกแถลงการณ์ต่อต้านการทำวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางทหารและด้านอาวุธยุทโธปกรณ์เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ปีที่แล้ว

แถลงการณ์ของ SCJ เมื่อปีที่แล้วได้รับการสนับสนุนจากสมาคมเครือข่ายเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะสมาพันธ์วิศวกรรมเครื่องกลแห่งชาติญี่ปุ่น ซึ่งมีสถาบันการศึกษาและสมาคมวิชาชีพทางด้านวิศวกรรมเป็นเครือข่ายราว 95 องค์กรทั่วประเทศ ไม่ได้ประกาศรับรองแถลงการณ์ของ SCJ และองค์กรเหล่านั้นยังระบุด้วยว่า จะร่วมมือกับกระทรวงกลาโหมและองค์การส่งเสริมการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ในการดำเนินงานวิจัยและพัฒนาศักยภาพทางทหารและความมั่นคงของประเทศต่อไป

ทั้งนี้ นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น สนับสนุนงบประมาณทางทหารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ผลักดันให้ที่ประชุมสภาลงมติเห็นชอบการตีความรัฐธรรมนูญใหม่ได้สำเร็จเมื่อปี 2558 เปิดทางให้กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นสามารถยกระดับการพัฒนาศักยภาพทางทหารได้ รวมถึงค้นคว้าวิจัยด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ โดยระบุว่าญี่ปุ่นมีความจำเป็นต้องป้องกันตนเองและประเทศพันธมิตรให้พ้นจากภัยคุกคามในภูมิภาค ซึ่งหมายถึงการขยายอิทธิพลของรัฐบาลจีนในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: