ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี เผย สมเด็จ ฮุนเซน ได้ย้ำจุดยืน ว่าจะไม่ยอมให้มีใครมาใช้ดินแดนของกัมพูชา เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลไทย พร้อมระบุ รัฐบาลชุดนี้มีความก้าวหน้าในการทำงานมากที่สุด

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เปิดเผยว่า ส่วนตัวได้พูดคุยกับ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งสมเด็จฮุนเซน กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาในสมัยของรัฐบาลชุดนี้มีความก้าวหน้ามากที่สุด เพราะตลอด 30 กว่าปีของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ร่วมงานกับ 12 นายกรัฐมนตรีของไทย รัฐบาลนี้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีความสัมพันธ์ที่ดีและมีความก้าวหน้าในการพัฒนางานทุกด้าน สิ่งที่ตนเองได้มาร่วมเป็นสักขีพยานในการแสดงความยินดีวันนี้ เป็นเรื่องของระบบโลจิสติกส์ ทั้งทางถนนและทางรถไฟเพื่อทำให้การสัญจรไปมาของประชาชนทั้ง 2 ประเทศมีความสะดวกสบายมากขึ้น และเอื้อต่อการค้าและการลงทุนระหว่างกัน แม้ว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จแต่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบ เพราะต้องรอความพร้อมจากฝั่งกัมพูชา ตลอดจนการศึกษารายละเอียดข้อกฏหมายระหว่างประเทศด้วย

ขณะเดียวกัน สมเด็จฮุน เซน ยังยืนยันจุดยืนว่า จะไม่ยอมให้มีใครมาใช้ดินแดนของกัมพูชาในการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลไทย ซึ่งตนเองก็ไว้ใจและต้องเคารพซึ่งกันและกัน เพราะประโยชน์ของชาติเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ขณะเดียวกัน สมเด็จฮุน เซน ยังได้ให้กำลังใจโดยขอให้ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีต่อเพื่อสานงานต่อไป ซึ่งตนเองได้บอกไปว่า เรื่องดังกล่าวขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนและเป็นเรื่องของการดำเนินการทางการเมือง ซึ่งสมเด็จฮุน เซน ยังเชื่อมั่นว่าหลายอย่างดีขึ้นในรัฐบาลนี้ โดยเฉพาะการทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข เรียบร้อย ไม่มีความขัดแย้งรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา เพราะหากประเทศไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ มีการประท้วงรุนแรง จะเป็นอุปสรรคต่อความร่วมระหว่างกัน

นายกรัฐมนตรี ยังฝากกับประชาชนด้วยว่า อากาศร้อนก็ใจเย็นๆ ลง อากาศร้อนแล้วจะไปร้อนตามอากาศทำไม อย่าปลุกความขัดแย้งขึ้นมาอีก เพราะตอนนี้ความเกลียดชังยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะการใช้วาทกรรมในโซเชียลที่ส่งผลให้สังคมปั่นป่วน หากคนที่มีความรู้หรือมีข้อมูลจะไม่แสดงความคิดเห็นลักษณะดังกล่าว หากว่ากันไปมาก็จะไม่เกิดประโยชน์และมีแต่ภาพของความขัดแย้งมากขึ้น ซึ่งตนอยากให้เกิดความสงบเรียบร้อยและความมีเสถียรภาพของบ้านเมือง