ไม่พบผลการค้นหา
'สุวิทย์' ลั่นสิ่งที่น่ากลัวกว่าไวรัส คือ ไวรัล พร้อมเรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงอุดมศึกษาฯ สรุปตัวเลขจำนวนนักศึกษาจีนในไทยมีจำนวน 11,738 คน มากสุดที่ม.ธุรกิจบัณฑิตย์-เอแบค-ม.เชียงใหม่ ส่วนนักศึกษาไทยในหูเป่ยมีจำนวน 58 คน พร้อมระดมองค์ความรู้สถาบันอุดมศึกษา ฝ่าไวรัสโคโรนา

เว็บไซต์มติชน รายงานระบุว่า นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยภายหลังการประชุม อว.ระดมองค์ความรู้ป้องกัน และรับมือการระบาดของไวรัสโคโรนาและมาตรการดูแลนักศึกษา โดยมีผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญ จากกรมควบคุมโรค และผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันอุดมศึกษาร่วมประชุม ว่า ไม่อยากให้ตื่นตระหนก อยากให้ใช้ความรู้ความเข้าใจ คิดว่าองค์ความรู้ที่มีในมหาวิทยาลัยที่มีคณะแพทยศาสตร์มีเพียงพอ แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าไวรัส คือไวรัล ที่แชร์ต่อๆ กันไป อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด 

ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า มีสถาบันอุดมศึกษาไทยที่มีนักศึกษาสัญชาติจีนศึกษาอยู่ 87 สถาบัน แบ่งเป็น สถาบันอุดมศึกษารัฐ 52 แห่ง และสถาบันอุดมศึกษาเอกชน 35 แห่ง มีนักศึกษาจีน 11,738 คน แบ่งเป็น สถาบันอุดมศึกษารัฐ 3,192 คน และสถาบันอุดมศึกษาเอกชน 8,541 คน และสถาบันอุดมศึกษานอกสังกัด 5 คน 

ส่วนสถาบันอุดมศึกษาที่มีนักศึกษาจีนศึกษาอยู่มากที่สุด 3 อันดับแรก คือ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ 2,884 คน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือ เอแบค 978 คน และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 756 คน

"จำนวนนักศึกษาไทยที่ไปเรียนอยู่ในจีน ในแต่ละมณฑล ที่มีข้อมูลเบื้องต้น คือ ยูนนาน 828 คน กุ้ยโจว 134 คน หูหนาน 208 คน สำหรับมณฑลอื่นนั้น กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล ขณะที่มีนักศึกษาไทยศึกษาอยู่ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย 58 คน" นายสุวิทย์กล่าว

เรียกมหาวิทยาลัยย่านบางบ่อ ชี้แจงภายใน 7 วัน กรณีเปิดหอพักเป็นโรงแรม

ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่านักศึกษาล่ารายชื่อร้องเรียนสถาบันอุดมศึกษาย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ เปิดให้นักท่องเที่ยวชาวจีนมาท่องเที่ยวถ่ายรูป รวมถึง เปิดหอพักของนักศึกษาเป็นโรงแรม หรือห้องพักรายวัน จนนักศึกษาวิตกว่าจะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนานั้น ขณะนี้รัฐบาลยังควบคุมการแพร่ระบาดได้ แต่เรื่องนี้ถือว่าน่าห่วง เบื้องต้นได้ให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้ชี้แจ้งข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน หากพบว่าผิดวัตถุประสงค์การจัดตั้ง จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

"เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เชื่อว่าขีดความสามารถของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และองค์ความรู้ที่มีในมหาวิทยาลัยต่างๆ จะรองรับสิ่งเหล่านี้ได้ ที่สำคัญต้องทำความเข้าใจในเชิงวิทยาศาสตร์ และอย่าตื่นตระหนกเกินไป อว.ยินดีให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงาน ซึ่ง สธ.ได้ตั้งวอร์รูม เพื่อแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวแล้ว จากนี้ไปจะทำวิจัยเชิงรุก เพื่อต่อสู้กับโรคอุบัติใหม่อื่นๆ ด้วย" นายสุวิทย์กล่าว

นพ.สมชาย แสงกิจพร รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นักศึกษาไทยที่เดินทางกลับจากจีน มีอาการ หรือไม่มีอาการสามารถเข้ารับการตรวจที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน สธ.พร้อมตรวจคัดกรอง ซึ่งที่ผ่านมามีนักศึกษาขอตรวจ พบว่ามีผลเป็นลบทุกราย