ผู้หญิงมักมีแรงกดดันจากสังคม และคนรอบข้างว่าจะต้องรักษารูปร่างของตัวเองให้ดูดี ผอมเพรียวเหมือนดาราภาพยนตร์ ปัจจุบัน ผู้ชายก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับรูปร่างของตัวเองมากขึ้น
ผู้หญิงมักมีแรงกดดันจากสังคม และคนรอบข้างว่าจะต้องรักษารูปร่างของตัวเองให้ดูดี ผอมเพรียวเหมือนดาราภาพยนตร์ ปัจจุบัน ผู้ชายก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับรูปร่างของตัวเองมากขึ้น เพื่อให้ตัวเองดูดีเหมือนดาราฮอลลีวู้ด จนอาจทำให้เป็นโรคซึมเศร้าได้เช่นกัน
ช่วงนี้ ผู้ชายหลายคนต่อคิวเข้าไปดูภาพยนตร์เรื่อง "300: Rise of an Empire" กันมากมาย ขณะที่พ่อแม่หลายคนอาจไม่อยากให้ลูกๆ เข้าไปดูภาพยนตร์เรท R เรื่องนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า ภาพยนตร์เรท R จะมีทั้งเลือด ความรุนแรงจากการต่อสู้ที่ดุเดือด รวมไปถึงฉากเลิฟซีนอันเร่าร้อนระหว่างตัวละครในเรื่อง แต่สิ่งที่พ่อแม่ควรต้องเป็นห่วงมากกว่านั้นก็คือ การที่นักแสดงชายในเรื่องรูปร่างดีเกินจริง ซิกแพ็คแน่น ไม่มีไขมันส่วนเกินเลยแม้แต่น้อย
เจอราร์ด บัตเลอร์ นักแสดงนำในเรื่อง "300" ภาคแรกเมื่อปี 2549 เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Men's Health ว่า นักแสดงจะต้องเข้าคอร์สฟิตหุ่นที่ทรหดมาก ด้วยการออกกำลังกายอย่างหนักแบบไม่พักวันละ 6 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 4 เดือนก่อนหนังเริ่มถ่ายทำ ซึ่งมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถจบคอร์สฟิตหุ่นนี้ได้ นั่นก็คือ แอนดรูว์ พลีวิน ที่รับบทเป็นตัวรอง
นอกจากนี้ บัตเลอร์ยังบอกว่า เขาไม่สามารถออกกำลังกายไปอีกประมาณ 1 ปีหลังจากที่ถ่ายหนังเรื่องนี้จบ เพราะคอร์สดังกล่าวทำให้ร่างกายเขาอ่อนล้ามาก แม้รู้อย่างนั้นแล้ว ผู้ชายสมัยนี้ก็ยังปรารถนาที่จะมีรูปร่างแบบนั้น
ปกติแล้ว เรามักคุ้นเคยกับการที่ผู้หญิงและเด็กสาวรู้สึกกดดันที่จะต้องมีรูปร่างผอม แต่เรามักลืมพูดถึงปัญหาการหมกมุ่นเรื่องการกิน และรูปร่างของผู้ชาย ทั้งที่ผู้ชายสมัยนี้รวมถึงเด็กหนุ่มวัยกำลังโตก็เริ่มมีพฤติกรรมการกินที่ไม่ถูกสุขลักษณะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ผู้ชายไม่ได้ต้องการลดน้ำหนักเหมือนกับผู้หญิง
การศึกษาของ JAMA Pediatrics ที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนมกราคม เปิดเผยว่า ร้อยละ 18 ของเด็กผู้ชายในปัจจุบันมีความกังวลเกี่ยวกับน้ำหนักและรูปร่างของตัวเองอย่างมาก และหากเด็กเหล่านี้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการมีรูปร่างอย่างดาราภาพยนตร์ ก็อาจทำให้เกิดอาการซึมเศร้า พฤติกรรมการกินอาหารผิดปกติ และพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆอย่าง การดื่มแอลกอฮอลล์ และการใช้สารเสพติด
เด็กผู้ชายเพียงร้อยละ 15 เท่านั้นที่ต้องการลดน้ำหนักให้ผอม เด็กอีกกว่าร้อยละ 50 ต้องการเพิ่มน้ำหนักและกล้ามให้ใหญ่ขึ้น ส่วนเด็กจำนวนที่เหลือต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อ และลดน้ำหนักลงไปพร้อมๆกัน โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ชายจะต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อประมาณ 7-9 กิโลกรัม และต้องการลดไขมันในร่างกายลงไปประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์
ผู้ปกครองและครูมักจะมองข้ามพฤติกรรมหมกมุ่นเรื่องรูปร่างของเด็กผู้ชายไป เนื่องจากพฤติกรรมของเด็กผู้ชายจะต่างไปจากผู้หญิง ที่สามารถสังเกตได้ชัดเจนกว่า เช่น การอดอาหาร หรือการล้วงคอ แต่สำหรับเด็กผู้ชายแล้ว จะมีตั้งแต่การออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่ง การดื่มโปรตีนเชค ไปจนถึงการใช้สารสเตียรอยด์ ซึ่งถือเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเด็กวัยกำลังโตมาก อาจทำให้มีอารมณ์รุนแรงหรือซึมเศร้าได้