เนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี ความสัมพันธ์ไทย - ภูฏาน กระทรวงการท่องเที่ยวของภูฏาน จึงมอบสิทธิพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นการเฉพาะ
กระทรวงการท่องเที่ยวภูฏานจัดงาน "ภูฏาน – ไทยแลนด์ เฟรนด์ชิพ ออฟเฟอร์" เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 25 ปี ความสัมพันธ์ไทย – ภูฏาน และเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 34 พรรษา ของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก
เจ้าชายจิกเยล อุกเยน วังชุก พระอนุชาของกษัติรย์ภูฏาน ได้เสด็จมาเป็นประธานเปิดงานดังกล่าว เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยพระองค์กล่าวว่า ภูฏานและไทยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาตลอดทั้งทางเศรษฐกิจ และการทูต จึงทรงเชิญชวนคนไทยไปค้นหาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แปลกใหม่กันที่ภูฏาน
ภายในงาน นอกจากจะมีการแสดงวัฒนธรรมของภูฏาน และแนะนำการท่องเที่ยวจากบริษัททัวร์แล้ว รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวภูฏานยังแถลงข้อเสนอพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยโดยเฉพาะ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองประเทศ
ข้อพิเศษที่ว่านี้ คือการงดเว้นค่าธรรมเนียมรายวัน 250 ดอลลาร์หรือประมาณ 8 พันบาท และเสียภาษีแค่ 65 ดอลลาร์ต่อคืน หรือประมาณ 2 พันบาทเท่านั้น นอกจากนี้ ยังลดค่าตั๋วเครื่องบินของดรุ๊กแอร์ และภูฏานแอร์ไลน์ รวมถึงค่าที่พักให้กับคนไทยถึงร้อยละ 50 โดยข้อเสนอเหล่านี้จะมีเฉพาะในช่วงวันที่ 1 มิถุนายนถึง 31 สิงหาคมเท่านั้น
หลายคนเข้าใจว่า การขอวีซ่าไปภูฏานเป็นเรื่องยาก เนื่องจากรัฐบาลภูฏานจำกัดจำนวนวีซ่านักท่องเที่ยว แต่ในความเป็นจริง ภูฏานไม่เคยมีนโยบายจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด หากมีการซื้อทัวร์กับบริษัทที่ได้รับอนุญาตจากภูฏานแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้วีซ่าดังกล่าว
แต่สำหรับคนที่อยากไปแบบแบ็คแพ็กคนเดียวอาจยากขึ้นสักหน่อย เพราะรัฐบาลภูฏานไม่ค่อยอยากให้วีซ่ากับแบ็คแพ็กเกอร์มากนัก โดยให้เหตุผลว่า แบ็คแพ็กเกอร์ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นคึกคะนอง อาจทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมหรือไม่เคารพสถานที่ อย่างเช่นการไปทำลายธรรมชาติเนื่องจากไม่มีบริษัททัวร์คอยควบคุม
เจ้าชายจิกเยล อุกเยน วังชุก ผู้ทรงดูแลการท่องเที่ยวของภูฏานโดยตรงตรัสว่า รัฐบาลภูฏานพยายามดำเนินนโยบายการท่องเที่ยวแบบที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวแบบแบ็คแพ็กที่ต้องการไปภูฏาน ก็ยังสามารถเข้าประเทศได้ หากติดต่อบริษัททัวร์ให้ช่วยดำเนินการให้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ไกด์นำเที่ยวแต่อย่างใด