รายงานเรื่อง ศรีลังกา 2014 ตอนที่ 3
ประเทศ ศรีลังกา เป็นหนึ่งในประเทศชมพูทวีปที่พระพุทธศาสนามีทั้งยุครุ่งเรือง และยุคอ่อนแอ หลักฐานที่ยังปรากฎอยู่ที่เมืองหลวงเก่า 3 แห่งของศรีลังกา คือ อนุราธปุระ โปโลนารุวะ และแคนดี้ บ่งบอกถึงอารยธรรมที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ ปัจจุบันได้กลายเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า ขณะที่พุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติของศรีลังกาก็หยั่งรากลึกในวิถีชีวิตของชาวพุทธ
อนุราธปุระ เป็นเมืองมรดกโลก และเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของศรีลังกายาวนานกว่า 1,500 ปี ปกครองพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ แต่ยุคที่รุ่งเรืองที่สุด คือ สมัยพระเจ้าปัณฑุกาภัย ทรงทำนุบำรุงพุทธศาสนาควบคู่กับการสร้างเมือง ด้วยเหตุนี้ อนุราธปุระ จึงได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ของพระมหาเจดีย์ และปราสาทราชวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
ถูปารามเจดีย์ เป็นเจดีย์แห่งแรกของศรีลังกา เป็นเจดีย์ขนาดเล็กและเก่าแก่ที่สุด สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมธาตุรากขวัญ คือ กระดูกไหปลาร้าขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เจดีย์ถูปาราม ยังมีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์ คนศรีลังกาเชื่อว่า พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาที่ลังกา และเข้านิโรธสมาบัติที่นี่ ถูปารามเป็นสถานที่ทำสังคยานาพระไตรปิฎกครั้งแรกของศรีลังกา หรือเป็นครั้งที่ 4 ของโลก
ต้นพระศรีมหาโพธิ อายุกว่า 2,300 ปี ถือเป็นไฮไลท์ของการมาเยือนเมืองอนุราธปุระ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นต้นไม้แทนการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ตามประวัติเล่าว่า พระราชธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราช นำกิ่งต้นโพธิ์ที่ตอนมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ พุทธคยาประเทศอินเดีย มาถวายแก่กษัตริย์ของศรีลังกา
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้ ถือเป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก ได้รับการดูแลอย่างดี ชั้นในสุดล้อมรอบด้วยลูกกรงทองคำ 344 ต้น ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่เก่าแก่ที่สุดอายุกว่า 2,300 ปี มีเสาทองคำค้ำยันไว้ เพื่อป้องกันการหักโค่น บริเวณโดยรอบมีต้นโพธิ์น้อยใหญ่ 45 ต้น มีที่มาจากต้นดั้งเดิม
เมืองโปโลนารุวะ เมืองหลวงแห่งที่สองของศรีลังกาตั้งแต่ปี พุทธศักราช 1598-1779 ได้ชื่อว่าเป็นยุคทองแห่งพระพุทธศาสนา และเป็นยุคที่ศิลปะถ่ายทอดไปถึงดินแดนสุวรรณภูมิ ปราสาทวิชชันตี มีอายุประมาณ 800 ปี เป็นโบราณสถานร่วมสมัยกับนครวัด ปราสาทแห่งนี้เป็นสถานที่ประทับของกษัตริย์ มีความสูง 7 ชั้น มีห้องกว่า 1000 ห้อง ล้อมรอบด้วยคูน้ำ ปัจจุบันพังทลายเหลือแต่ฐานด้านล่าง ใกล้ๆ กันมีซากท้องพระโรงที่เคยเสด็จออกว่าราชการ โถงยกฐานสูงประดับลวดลาย ช้าง สิงห์ และคนแคระแบกเป็นชั้น ๆ
วัดกัลวิหาร หรือ วิหารหิน เดิมชื่ออุตตราม เป็นวิหารหินแกรนิต โดยสลักเป็นพระพุทธรูป 4 องค์อยู่แนวเดียวกัน องค์แรก เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งสมาธิ องค์ที่สองเป็นพระพุทธรูนั่งปางสมาธิ องค์ที่สาม เป็นพระพุทธรูปประทับยืน ที่เรียกว่า ปางรำพึง และองค์ที่สี่ เป็นพระพุทธรูปปางเสด็จดับขันธปรินิพพาน สันนิษฐานว่าเป็นการแสดงพุทธประวัติ 4 เหตุการณ์สำคัญ
อีกเมืองหนึ่งที่พุทธศาสนิกชนที่เดินทางไปศรีลังกาไม่ควรพลาด คือ เมืองสิกิริยา มีพระราชวังสิกิริยา ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงที่ต้องเดินขึ้นบันไดไปชมถึงกว่า 2,200 ขั้น สร้างขึ้นโดยเจ้าชายกัสปะ มีตำนานเล่าว่า เจ้าชายกัสปะชิงบัลลังก์จากพระบิดาด้วยการจับพระบิดาขังคุกแล้วโบกปูนทับขณะยังมีพระชนม์��ีพ แล้วสถาปนาตัวขึ้นเป็นกษัตริย์ แล้วย้ายราชธานีจากอนุราชปุระ มาอยู่ที่สิกิริยา พระราชวังแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างนาน 7 ปี พระเจ้ากัสสปะครองราชย์อยู่ 18 ปี ก็ถูกพระอนุชาต่างมารดายกทัพมาชิงราชบัลลังก์คืน ทำให้พระเจ้ากัสสปะปลิดพระชมน์ชีพตัวเองในพระราชวังบนภูเขาสูงแห่งนี้
พระราชวังสิริกิริยา ถูกทิ้งร้างอยู่หลายศตวรรษ จนกระทั่งมีนายทหารอังกฤษค้นพบในศตวรรษที่ 19 แต่ยังไม่พบทางขึ้นยอดเขา ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จึงมีผู้ค้นพบทางขึ้นพระราชวัง และพบภาพเขียนสีเฟรซโก้ รูปนางอัปสรสวรรค์อายุกว่า 1,500 ปี ต้องการสื่อถึงพระราชวังที่อยู่บนสรวงสวรรค์ รายล้อมด้วยนางอัปสร
แม้การเดินทางมาเยือนศรีลังกาจะไม่ได้สัมผัส 4 สังเวชนียสถานเหมือนอินเดีย แต่ศรีลังกาก็เป็นดินแดนที่มีปูชนียบุตรแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครบทั้ง 4 ให้พุทธศาสนิกชนสักการะ คือ พระปฏิมา หรือ พระพุทธรูป ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ต้นไม้สัญลักษณ์แห่งพุทธศาสนา ที่นับถือก่อนพระพุทธรูป ถูปา หรือพระสถูปเจดีย์ เป็นเครื่องหมายว่าพระพุทธองค์เคยเสด็จมาประกาศศาสนา และ ชินะธาตุโย หรือ พระบรมสารีริกธาตุ