เมื่อสองร้อยปีก่อน ชาวจีนนับล้านเดินทางจากบ้านเกิดเมืองนอน หนีภัยสงครามมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อลงหลักปักฐานสร้างเนื้อสร้างตัว ซึ่งน้อยคนนักจะทราบว่ามีชาวจีนโพ้นทะเลจำนวนมากอาศัยอยู่ในเมียนมาร์ด้วยเช่นกัน ชาวจีนเหล่านี้มีจำนวนเท่าไร และพวกเขาขยับฐานะทางสังคมได้หรือไม่
ชาวจีนจำนวนมากอพยพลี้ภัยออกจากจีนแผ่นดินใหญ่หลายระลอก เพื่อหนีภัยสงครามกลางเมืองในสมัยราชวงศ์ชิง ก่อนการปฏิวัติซินไห่จะประสบความสำเร็จในปี 2454 โดยชาวจีนนับล้านลงเรือหมายมุ่งไปลงหลักปักฐานสร้างฐานะ เพื่อหวังว่าวันหนึ่งจะนำเงินทองทรัพย์สินกลับไปให้ครอบครัวบนแผ่นดินเกิด
หนึ่งในจุดหมายของชาวจีนโพ้นทะเล หรือหัวเฉียวเหล่านี้ เป็นเมืองท่า สถานีการค้าที่มั่งคั่ง ของเจ้าอาณานิคมตะวันตก ที่ตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นปัตตาเวีย หรือกรุงจาการ์ตา และสิงคโปร์ แม้กระทั่งกรุงเทพฯ ของไทย
อย่างไรก็ตาม เมียนมาร์ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ก็เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของชาวจีนด้วยเช่นกัน ไม่เพียงเพราะชายแดนติดกันกับจีนเท่านั้น นครย่างกุ้งยังเป็นท่าเรือที่สำคัญของอังกฤษอีกด้วย
ชาวจีนโพ้นทะเลในเมียนมาร์ หรือที่เรียกกันเป็นภาษาพม่าว่า "ทาโยเก" มีจำนวนกว่า 1 ล้าน 6 แสนคน ส่วนใหญ่เดินทางข้ามพรมแดนทางเหนือของประเทศลงมายังนครย่างกุ้ง เมืองมัณฑะเลย์ และเมืองตองยี ตั้งแต่ปลายราชวงศ์หมิง ถึงราชวงศ์ชิง ชาวพม่าเชื้อสายจีนส่วนใหญ่เป็นชาวจีนฮกเกี้ยน และกวางตุ้ง หรือบางส่วนมาจากมณฑลยูนนาน
ชาวจีนโพ้นทะเลในเมียนมาร์ส่วนใหญ่ ไม่ต่างอะไรจากชาวจีนโพ้นทะเลในที่อื่นๆ พวกเขาสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาจากความยากจน และกลายเป็นเจ้าของธุรกิจการค้า ลูกหลานมักได้รับการศึกษาที่ดีกว่ารุ่นพ่อแม่ เพื่อขยับฐานะทางสังคมให้สูงขึ้น ทั้งยังมีส่วนร่วมในการปฏิวัติซินไห่ ภายใต้การนำของซุนยัดเซ็น ด้วยการสนับสนุนเงินทุนเพื่อล้มล้างราชวงศ์ชิง
ไม่น่าเชื่อเลยว่า ชาวจีนโพ้นทะเลในเมียนมาร์หลายคนมีบทบาทถึงระดับผู้นำประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนายพลเนวิน ซึ่งมีเชื้อสายจีนแคะ หรือฮากกา ผู้นำเผด็จการทหาร ที่ครองอำนาจทางการเมืองอย่างยาวนานถึง 26 ปี และเป็นผู้สั่งปราบปรามนักศึกษาและประชาชนในเหตุการณ์ 8888 เมื่อปี 2532
นายพลขิ่นยุ้นต์ อดีตนายกฯเมียนมาร์ ระหว่างปี 2546 ถึง 2547 ก็สืบเชื้อสายชาวจีนเเคะมาเช่นกัน ขณะที่ ขุนส่า ราชายาเสพติดแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็เป็นชาวจีนกั๋วกัน หรือโก๋กัง หรืออาจเรียกว่าเป็นจีนฮั่นที่อาศัยอยู่ในบริเวณรัฐฉาน และท้ายที่สุด โมเสตไวน์ มิสยูนิเวิร์สเมียนมาร์ปี 2556 ที่ผ่านมา ก็เป็นชาวพม่าเชื้อสายจีนด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ รัฐบาลทหารเมียนมาร์เคยประมาณตัวเลขคนจีนในเมียนมาร์ว่ามีเพียงร้อยละ 3 แต่ในความเป็นจริงแล้วมีจำนวนมากกว่านั้น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เมียนมาร์จะมีชาวจีนอาศัยอยู่จำนวนไม่มากนักเมื่อเทียบกับดินแดนอื่นๆอย่างสิงคโปร์ แต่พวกเขาก็มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงประเทศ ไม่ต่างกับชาวจีนโพ้นทะเลที่อยู่ในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกเช่นเดียวกัน