รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ด่วน ประกาศพร้อมรบกับไทยเต็มตัว หลังสภาสูงมีมติอนุมัติให้กองทัพเปิดศึกกับไทยได้อย่างเต็มที่ อ้างถูกกองทัพไทยรุกราน ย้ำจุดยืนต้องการให้ยูเอ็นส่งกองกำลังเข้ามาหย่าศึกเท่านั้น และยกเลิกการเจรจาทุกระดับกับฝ่ายไทยด้านกองทัพภาคที่2 สั่งเกาะติดสถานการณ์ทุกวินาทีหลังเขมรสั่งอพยพชาวบ้านตามแนวชายแดนจ.สุรินทร์เกือบ4 หมื่นคนออกไปในรัศมี20 กิโลเมตรสรุปศึกไทย-กัมพูชาปะทะกันช่วง9 วันทหารไทยพลีชีพ 7 เจ็บอีก95 นาย
กลยุทธ์กัมพูชารบแบบกองโจรผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ความคืบหน้าของการรบตามแนวชายแดนไทย-เขมรด้านจังหวัดสุรินทร์ว่าเมื่อเวลาประมาณ20.00 น.วานนี้(30 เม.ย.)ได้เกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาบริเวณปราสาทตาเมือนธมบ้านหนองคันนาต.ตาเมียงอ.พนมดงรักและที่ปราสาทตาควายต.บักไดอ.พนมดงรักจ.สุรินทร์ซึ่งเป็นรอบ2 หลังทั้ง2 ฝ่ายให้คำสัญญาหยุดยิงโดยมีการปะทะด้วยปืนกลเล็กตามด้วยระเบิดมือปืนค.และอาร์พีจีเสียงปืนดังสนั่นไกลออกมาถึงตัวอ.พนมดงรักขณะที่รพ.พนมดงรักเตรียมแพทย์และเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินไว้พร้อมจุดที่มีการปะทะกันอยู่ที่บริเวณปราสาทตาควายโดยเจ้าหน้าที่ทหารลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บส่งรพ.พนมดงรักด้วยเฮลิคอปเตอร์รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธินและรพ.สุรินทร์เมื่อเวลา23.45 น.ที่ผ่านมาสำหรับผู้บาดเจ็บประกอบด้วย1.ร.ท.โกสิทธิ์ส่องแสงสังกัดร.8 พัน2 ถูกยิงที่ลำคอและหลังรวม2 นัด2.ร.ท.วีระชัยชวาลย์สังกัดร.8 พัน.13.3.พลทหารกฤษดาพรหมจักรร.8 พัน14.4.พลทหารดำรงบัวขาวสังกัดร.13 พัน2 ซึ่ง3 นายหลังได้รับบาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดตามร่างกาย5.จ.ส.ต.บุญเทียนศรีจันทร์ถูกสะเก็ดระเบิดที่ขาซ้าย6.พลทหารไกรสรอินทร์เฉื่อย7.พลทหารสราวุฒิจู้จำรูญ8.ส.อ.พงศธรบางแก้ว9.พลทหารวันชัยบัณฑิต10.พลทหารสุเมธปานทองรวมผู้บาดเจ็บตลอดระยะเวลา9 วันมีทหารบาดเจ็บจำนวน95 นายเสียชีวิต7 ราย
ซุ่มยิงทหารไทยร่วง2 นายรายงานข่าวแจ้งอีกว่าร.ท.โกสิทธิ์ส่องแสงสังกัดร.8 พัน2 ซึ่งอาการสาหัสที่สุดถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าด้วยเฮลิคอปเตอร์เมื่อเวลา08.00 น.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ซึ่งออกลาดตระเวนกล่าวว่ามีการปะทะกันหนักด้วยอาวุธประจำกายเอ็ม16 อาก้าปืนกลและระเบิดมือเข้าใส่กันโดยฝ่ายทหารกัมพูชาใช้การรบแบบกองโจรซุ่มโจมตีฝ่ายไทยที่ออกลาดตระเวนผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา14.00 น.วันเดียวกันมีทหารไทย2 นายได้รับบาดเจ็บจากการถูกทหารเขมรซุ่มยิงขณะลาดตระเวนที่บริเวณปราสาทตาควายล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้นำตัวพลทหารสราวุธโพธิ์ศรีที่ถูกซุ่มยิงเข้าที่บริเวณขาซ้ายนำส่งโรงพยาบาลพนมดงรักจ.สุรินทร์ซึ่งการปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชายังเกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง
กัมพูชาประกาศตอบโต้ไทยผู้สื่อข่าวรายงานมาว่าเมื่อเวลา12.30 น.วันนี้(30 เม.ย.)วิทยุบายนกัมพูชาคลื่น95.00 เมกะเฮิรตซ์ซึ่งดูแลโดยบุตรสาวของสมเด็จฮุนเซนผู้นำกัมพูชาได้อ่านแถลงการณ์รัฐบาลกัมพูชามีใจความว่าจากเหตุปะทะตามชายแดนจังหวัดสุรินทร์เป็นเพราะประเทศไทยไม่ได้ยึดถือตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ไทยและฝรั่งเศสร่วมกันทำไว้ในอดีตตลอดจนไทยไม่ยึดถือตามข้อตกลงความร่วมมือที่เคยทำกับกัมพูชาเมื่อปีพ.ศ.2542 แม้จะมีการเจรจาโดยพล.ท.ธวัชชัยสมุทรสาครแม่ทัพภาคที่2 และพล.ท.เจียมอนผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่4 จังหวัดอุดรมีชัยกัมพูชาเมื่อวันที่28 เม.ย.แล้วก็ตามโดยปรากฏว่าฝ่ายไทยยังละเมิดข้อตกลงแอบซุ่มยิงทหารกัมพูชาอีกเมื่อคืนที่ผ่านมาทำให้เกิดการปะทะเดือดอีกรอบบริเวณปราสาทตากระไบ(ตาควาย)และปราสาทตาเมือนธมจนมีทหารเสียชีวิตทั้งสองฝ่ายทำให้รัฐบาลกัมพูชาจำเป็นต้องตอบโต้คืนและจากเหตุการณ์นี้กัมพูชาขอเรียกร้องถึงสหประชาชาติให้รีบจัดส่งกองกำลังนานาชาติเข้าควบคุมสถานการณ์และอาเซียนควรผลักดันให้ยูเนสโกช่วยเหลือให้มีการขึ้นทะเบียนมรดกโลกทันทีแม้จะมีเหตุการณ์ปะทะกัน
สภาสูงมีมติให้เปิดศึกเต็มตัวขณะเดียวกันจากนี้ไปกัมพูชาจะไม่ยอมเจรจากับไทยอีกในทุกระดับต้องยูเอ็นเข้ามาเท่านั้นและทางรัฐบาลกัมพูชาได้สั่งอพยพประชาชนที่อยู่ริมชายแดนไทย-กัมพูชาในรัศมี20 กิโลเมตรออกจากพื้นที่และให้เข้าไปพักในที่ปลอดภัยจำนวนกว่า35,000 คนในช่วงเช้าวันนี้เพื่อความปลอดภัยหลังจากมีกระสุนปืนใหญ่จากไทยตกลงในพื้นที่พลเรือนจำนวนมากและในขณะนี้ยังมีการอพยพอย่างต่อเนื่องโดยระบุว่าอาจมีการสู้รบหนักหน่วงกว่าเดิมเพราะสภาสูงกัมพูชาอนุมัติเปิดไฟเขียวให้ทหารสู้เต็มตัวได้เพื่อป้องกันการรุกรานจากไทยเสียงของแถลงการณ์วิทยุกัมพูชาระบุมีรายงานข่าวแจ้งว่าที่โรงพยาบาลพนมดงรักอ.พนมดงรักจ.สุรินทร์ที่ทางทหารประกาศเป็นพื้นที่เสี่ยงห้ามบุคคลทั่วไปและสื่อเข้าไปทำข่าวนั้นปรากฏว่าในโรงพยาบาลได้มีคำสั่งสละโรงพยาบาลหมดแล้วมีการอพยพพยาบาลแพทย์และผู้ป่วยออกนอกพื้นที่ไปหมดแล้วที่เหลืออยู่มีเพียงหน่วยกู้ชีพตาเมียงหน่วยกู้ภัยสุรินทร์และหน่วยพยาบาลทหารเพียงไม่กี่นายที่รอรับผู้บาดเจ็บจากการปะทะเพื่อส่งต่อโรงพยาบาลปราสาทเท่านั้น
ทัพภาค2 เกาะติดสถานการณ์ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการปะทะกันในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาบริเวณปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายในพื้นที่จ.สุรินทร์ที่ผ่านมากองกำลังทหารกัมพูชาได้ปรับแผนเชิงรุกในพื้นที่ด้วยการส่งหน่วยรบพิเศษแทรกซึมเข้ามาในพื้นที่โดยเฉพาะการเปลี่ยนเป้าหมายจากการขุดหลุมพรางเพื่อโจมตีกองกำลังทหารไทยมาเป็นการพรางตัวซุ่มโจมตีอยู่ตามต้นไม้เมื่อทหารพรานชุดลาดตระเวนของไทยออกไปตรวจแนวรบก็จะถูกซุ่มยิงดังนั้นการปะทะกันในช่วงกลางคืนส่วนใหญ่จะปะทะกันด้วยมีดปืนเล็กและลูกระเบิดเท่านั้นต่อมาพล.ท.ธวัชชัยได้เรียกประชุมหน่วยขึ้นตรงของกองทัพภาคที่2 เพื่อวางแผนในการติดตามสถานการณ์รวมถึงการเตรียมหน่วยกำลังในพื้นที่ให้มีความ100 เปอร์เซ็นต์เนื่องจากขณะนี้มีข่าวว่าสมเด็จฮุนเซนนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้มีการนำเรื่องการปะทะกันของกำลังทหารไทย-กัมพูชาตามแนวชายแดนเข้าหารือในที่ประชุมรัฐสภาเพื่อขอมติในการออกพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การสู้รบในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาแล้วและได้มีเสียงตามสายแจ้งเรื่องดังกล่าวผ่านมายังกำลังทหารกัมพูชาที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในพื้นที่ด้วย
แฉการเมืองเขมรแตกกันเละรายงานข่าวแจ้งว่าขณะนี้ปัญหาการเมืองภายในประเทศกัมพูชาค่อนข้างรุนแรงโดยเฉพาะรัฐบาลกับฝ่ายค้านที่มีการตอบโต้กันอย่างหนักเนื่องจากอีก6 เดือนข้างหน้าจะเกิดการเลือกตั้งใหม่ของกัมพูชารวมถึงปัญหาการบังคับบัญชาภายในกองทัพกัมพูชาที่ไม่ค่อยเป็นเอกภาพจึงทำให้สถานการณ์ในพื้นที่เกิดช่องว่างไม่รู้ใครฟังใครแล้วเพราะรัฐบาลก็เดินอีกทางส่วนกองทัพก็เดินไปอีกทางรายงานข่าวแจ้งอีกว่าก่อนหน้านี้ทางกองทัพกัมพูชาได้เสนอข้อตกลงมายังกองทัพไทยว่าจะให้มีการยุติเหตุการณ์ปะทะกันในพื้นที่แต่ไทยจะต้องทำตามข้อเรียกร้องด้วยการถอนกำลังทหารที่อยู่บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควายกับปราสาทตาเมือนธมเสียก่อนโดยให้กำลังทหารไทยกลับไปอยู่ที่เดิมแต่กองทัพไทยไม่เห็นด้วยเนื่องจากปัญหาที่ผ่านมาถือว่ารุนแรงมากที่สำคัญยังทำให้กำลังทหารไทยและประชาชนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมากจะให้ถอยง่ายๆเหมือนกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นคงทำไม่ได้ทำให้ข้อเสนอดังกล่าวตกไปในที่สุด
ปล่อยข่าวลือไทยฆ่า50 ศพผู้สื่อข่าวรายงานจากอรัญประเทศจังหวัดสระแก้วว่าเมื่อเวลา10.00 น.วันนี้ได้เกิดกระแสข่าวลือไปทั่วตลาดกรุงปอยเปตอ.โอวโจโรวจ.บันเตียเมียนเจียประเทศกัมพูชาว่ามีชาวบ้านชาวเขมรที่เดินทางเข้ามาขายแรงงานในประเทศไทยถูกทหารไทยยิงตาย50 รายและมีการนำศพเหยื่อทั้งหมดออกมาจากด่านอรัญประเทศเพื่อนำศพไปไว้ที่วัดป่าเรไรบ้านปอยเปตใครเป็นญาติพี่น้องให้รีบเดินทางไปดูด้วยทำให้ชาวเขมรที่อยู่ในตลาดปอยเปตและที่ตลาดโรงเกลือฝั่งไทยแตกตื่นโกลาหลเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงว่าข่าวนี้จริงหรือไม่และมีญาติพี่น้องของตัวเองเป็นเหยื่อด้วยหรือไม่หลังจากนั้นก็มีการติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ของเขมรซึ่งทางเจ้าหน้าที่เขมรก็ติดต่อมาที่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยเพื่อตรวจสอบข่าวดังกล่าวแต่ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้นอกจากพากันไปที่วัดป่าเรไรเพื่อดูว่ามีการนำศพเหยื่อมาไว้ที่วัดนี้จริงหรือแต่ปรากฏว่าเมื่อทุกคนไปถึงก็พบว่าเป็นเพียงแค่ข่าวลือไม่มีมูลความจริงเพียงเพื่อหวังจะให้ชาวเขมรเกลียดทหารไทยทุกคนจึงพากันเดินทางกลับแต่ผู้ที่ไม่ทราบเรื่องยังคงทยอยกันเดินทางมาที่วัดเรื่อยๆโดยมีเจ้าหน้าที่ของเขมรคอยชี้แจงข้อเท็จจริงตลอดทั้งวัน
Source : New Center/หนังสือพิมพ์บ้านเมือง/AFP