ไม่พบผลการค้นหา
ถ้าพูดถึงภัยพิบัติ ที่มีความรุนแรงที่สุดในรอบปีนี้ คงหนีไม่พ้นซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน ที่ได้พัดถล่มฟิลิปปินส์เสียหายอย่างหนัก อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ด้วยความเร็วลมสูงสุดถึง 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้พายุลูกนี้ เป็นพายุที่มีความรุนแรงที่สุดในโลกประจำปีนี้ไปโดยปริยาย
 
โลกของเราเผชิญหน้ากับความแปรปรวนของสภาพอากาศมาโดยตลอด ยิ่งในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ความแปรปรวนดังกล่าว ก็เริ่มแสดงให้เห็นเด่นชัดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว ไปจนถึงความรุนแรงของพายุที่พัดถล่มในหลายพื้นที่ทั่วโลก 
 
ซึ่งพายุที่รุนแรงที่สุดในโลกประจำปีนี้ คงหนีไม่พ้นซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ และประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายประเทศ พายุลูกนี้ สร้างความเสียหายให้กับฟิลิปปินส์มากที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน จนติดอันดับหนึ่งในพายุไต้ฝุ่น ที่มีความรุนแรงมากที่สุดในโลก
 
วันที่ 7 พฤศจิกายน ซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน ที่พัดด้วยความเร็วลมสูงสุด ที่ 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้พัดขึ้นฝั่งที่ประเทศฟิลิปปินส์ ความเร็วลมขนาดนี้ ถือว่าเทียบเท่ากับเฮอริเคนระดับ 5 เพราะมีความเร็วลม เกินกว่า 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งหากใครที่นึกไม่ออก ก็สามารถจะเปรียบเทียบความรุนแรงได้กับพายุเฮอริเคนแคทรีนา ที่พัดถล่มสหรัฐฯ ในปี 2548 และสร้างความเสียหายให้แก่พื้นที่กว่า 233,000 ตารางกิโลเมตร และจนถึงตอนนี้ หลายพื้นที่ที่เสียหายก็ยังไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้
 
นอกจากความเร็วลมที่สูงเกิน 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของซูเปอร์ไต้ฝุ่นลูกนี้ ยังมากถึง 800 กิโลเมตร ซึ่งเป็นขนาดของพายุที่สามารถมองเห็นได้จากนอกโลกอย่างชัดเจน หลังจากที่คงความรุนแรงเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 ได้ประมาณ 2 ว���น ซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนก็อ่อนกำลังลง ขณะที่เคลื่อนตัวไปในทะเลจีนใต้ และขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามโดยลดระดับลงมาเป็นพายุโซนร้อน ก่อนที่จะสลายตัวไปในวันที่ 11 พฤศจิกายน 
 
ฟิลิปปินส์กลายเป็นประเทศที่เสียหายหนักที่สุด จากการถูกซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนพัดถล่ม ซึ่งขณะนี้ จำนวนผู้สูญหายบางรายยังคงค้นหาไม่พบ ส่วนยอดผู้เสียชีวิตนั้น ก็มีมากเกือบ 6,000 ราย ซึ่งมากกว่าเมื่อครั้งที่พายุไต้ฝุ่นโบพา พัดถล่มทางตอนใต้ของประเทศ เมื่อปีที่ผ่านมาถึงหลายเท่า โดยเมื่อครั้งพายุไต้ฝุ่นโบพาพัดถล่มนั้น มียอดผู้เสียชีวิต และสูญหายรวมกันราว 2,000 ราย
 
เหตุการณ์ซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนพัดถล่ม ถือเป็นบททดสอบที่สำคัญอย่างยิ่งของรัฐบาลฟิลิปปินส์ ในการรับมือกับภัยธรรมชาติ และแม้ว่าฟิลิปปินส์จะเป็นประเทศที่ถูกพายุไต้ฝุ่นพัดถล่มบ่อยครั้งที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย และไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนก็ถือเป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 25 ที่พัดถล่มประเทศ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้น ก็ยังคงร้ายแรง และผู้เสียชีวิตก็มีมากเกิน 5,000 ราย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ มีการประกาศอพยพประชาชนจำนวนมาก ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย และมีการเตรียมความพร้อมระดับสูงสุด ในการรับมือกับไต้ฝุ่นลูกนี้แล้วก็ตาม 
 
รัฐบาลฟิลิปปินส์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงความช่วยเหลือที่ล่าช้า และดำเนินการบรรเทาสาธารณภัยอย่างไร้ระบบ จนทำให้ผู้รอดชีวิตจำนวนมากกลายเป็นผู้เสียชีวิต ขณะเดียวกัน ที่เมืองทาโคลบัน ซึ่งเป็นเมืองที่เสียหายหนักที่สุด ก็เกิดเหตุจลาจลอย่างหนัก หลังจากที่ประชาชนจำนวนมาก ไม่สามารถรอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐได้อีกต่อไป จึงก่อเหตุปล้นสะดม และชิงทรัพย์ รวมถึงการบุกเข้าไปในร้านค้า และร้านอาหารจำนวนมาก บางคนยอมทำเพียงเพื่อแลกกับอาหารเล็กน้อยมาประทังชีวิต
 
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ความช่วยเหลือจากต่างชาติล็อตแรก ก็เดินทางมาถึงเมืองทาโคลบัน ท่ามกลางความยินดีของชาวบ้านที่เริ่มรู้สึกหมดหวัง ส่วนประชาชนที่พอมีฐานะ ก็เริ่มอพยพย้ายออกนอกพื้นที่ เพราะไม่สามารถทนรับกับความลำบากยากแค้นที่เกิดขึ้นได้ 
 
ภัยพิบัติในครั้งนี้ เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่ทำให้ได้เห็นถึงความช่วยเหลือจากนานาชาติ ที่หลั่งไหลเข้าไปในฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่อง ทั้งเงินบริจาคและสิ่งของอุปโภคบริโภค รวมถึงประเทศไทย ที่รัฐบาลได้จัดงาน "คนไทยส่งกำลังใจช่วยเหลือฟิลิปปินส์" ซึ่งสามารถระดมทุนได้มากกว่า 83 ล้านบาท 
Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
181Article
60261Video
0Blog